เงื่อนไขการเทรดของ XM (Trading Conditions)

XM เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ที่นำเสนอเงื่อนไขการเทรด (Trading Conditions) ที่แข่งขันได้ให้กับนักเทรด คู่มือนี้จะอธิบายเงื่อนไขการเทรดของ XM อย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้นักเทรดทุกระดับตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงระดับสูงสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพได้

คู่มือนี้จะวิเคราะห์เงื่อนไขการเทรดอย่างละเอียด เช่น สเปรด, ค่า Swap, เลเวอเรจ และมาร์จิ้นที่ต้องการ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการทำกำไรและอธิบายคุณลักษณะและวิธีการใช้งานแต่ละอย่างอย่างละเอียด กรุณาใช้ประโยชน์จากคู่มือนี้เพื่อค้นหาเงื่อนไขการเทรดที่เหมาะสมที่สุดกับสไตล์การเทรดของคุณ

XM Trading Conditions: Account type
เงื่อนไขการเทรดตามประเภทบัญชีของ XM

XM มีบัญชี 5 ประเภทที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับความต้องการและสไตล์การเทรดที่หลากหลาย

บัญชี Standard และบัญชี Standard Micro มีลักษณะเด่นคือสามารถรับโปรโมชั่นได้ทั้งหมด เช่น โบนัสเทรด $30 และโบนัสเงินฝาก พร้อมเงื่อนไขการเทรด (Trading Conditions) ที่สมดุล ส่วนบัญชี Ultra Low และบัญชี Ultra Low Micro นั้นมอบสเปรดที่แคบกว่าและ Free Swap แต่ไม่สามารถรับโบนัสเงินฝากได้ และบัญชี Shares เป็นบัญชีเฉพาะสำหรับการลงทุนในหุ้นโดยตรง ซึ่งสามารถลงทุนในหุ้นของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนีได้โดยตรง

แต่ละประเภทบัญชีมีจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถเลือกตามสไตล์การเทรดได้ ในส่วนนี้ เราจะเปรียบเทียบเงื่อนไขและคุณลักษณะโดยละเอียดของแต่ละประเภทบัญชี XM เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของตนเองได้อย่างง่ายดาย

ตารางเปรียบเทียบประเภทบัญชี XM

ในตารางเปรียบเทียบประเภทบัญชี XM นี้ เราเปรียบเทียบเงื่อนไขการเทรดของบัญชี Standard, บัญชี Ultra Low และบัญชี Shares บัญชีประเภท Micro ไม่ได้แสดงในตารางเปรียบเทียบนี้ เนื่องจากมีความแตกต่างเพียงขนาดล็อตการซื้อขายที่เป็น 1/100 และจำนวนล็อตการซื้อขายสูงสุดเท่านั้น

 ปุ่มแท็บสำหรับเปลี่ยนประเภทบัญชี

วิธีเลือกประเภทบัญชี XM และประเภทบัญชีที่แนะนำ

เมื่อเลือกประเภทบัญชี XM สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาสไตล์การเทรด สถานะทางการเงินและเป้าหมายการลงทุน การเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมที่สุดจะช่วยลดต้นทุนการซื้อขาย เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรให้สูงสุด

ตัวอย่างเช่น สำหรับผู้เริ่มต้นที่มีเงินทุนน้อย บัญชี Standard Micro ที่สามารถใช้ประโยชน์จากโบนัสได้จะเหมาะสม ในขณะที่เทรดเดอร์ระยะสั้นที่ให้ความสำคัญกับต้นทุนการซื้อขาย บัญชี Ultra Low จะเหมาะสมที่สุด สำหรับการทดสอบระบบการเทรดอัตโนมัติ (EA) แนะนำบัญชี Ultra Low Micro สำหรับการถือครองตำแหน่งระยะกลางถึงระยะยาว แนะนำบัญชี Standard และสำหรับการลงทุนในหุ้นอย่างจริงจัง แนะนำบัญชี Shares

หากต้องการพิจารณาการเลือกประเภทบัญชี XM โดยละเอียดยิ่งขึ้น โปรดใช้ประโยชน์จากเนื้อหาเฉพาะด้านล่างนี้ เรามีคำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างของแต่ละประเภทบัญชี ตั้งแต่เงื่อนไขการซื้อขายไปจนถึงโปรโมชั่นโบนัส คุณจะพบประเภทบัญชี XM ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณอย่างแน่นอน

 เปรียบเทียบประเภทบัญชี XM และประเภทบัญชีที่แนะนำ

XM Trading Conditions: Spread
เงื่อนไขการเทรดเกี่ยวกับค่าสเปรดของ XM

เนื่องจาก XM ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายและแทบไม่มีสลิปเปจเกิดขึ้นเมื่อส่งคำสั่งซื้อขาย สเปรดจึงเป็นองค์ประกอบหลักของต้นทุนในการซื้อขาย

ในส่วนนี้ เราจะวิเคราะห์สเปรดเฉลี่ยของเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทที่ XM นำเสนออย่างละเอียดและเปรียบเทียบระหว่างบัญชี Standard และบัญชี Ultra Low โดยทำความเข้าใจค่าสเปรดของสินค้าหลักที่มีการซื้อขาย เช่น คู่สกุลเงิน โลหะมีค่า น้ำมันและก๊าซ สกุลเงินดิจิทัล และดัชนีหุ้น จะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตารางรายการค่าสเปรดเฉลี่ยของสินค้าหลักใน XM

XM มีสินค้าให้ซื้อขายมากกว่า 1500 รายการ ซึ่งรวมถึง “คู่สกุลเงิน” “โลหะมีค่า” “สกุลเงินดิจิทัล” “น้ำมันและก๊าซ” “ดัชนีหุ้น” “สินค้าโภคภัณฑ์” “ดัชนี Thematic” “หุ้น Turbo” และ “หุ้น CFD” แต่ตารางนี้แสดงเฉพาะสเปรดเฉลี่ยของสินค้าหลักเท่านั้น

สเปรดในตารางได้รับการวัดและอัปเดตจาก MT5 ทุกวัน

ค่าสเปรดของคู่สกุลเงินหลัก

ค่าสเปรดของโลหะมีค่าและน้ำมันและก๊าซ

ค่าสเปรดของสกุลเงินดิจิทัล

ค่าสเปรดของดัชนีหุ้น

ลักษณะเด่นของค่าสเปรดใน XM

สเปรดของบัญชี Ultra Low แคบกว่าบัญชี Standard ที่ได้รับโบนัสเงินฝากประมาณ 50% ยกตัวอย่างเช่น สำหรับ GOLD ความแตกต่างของสเปรดระหว่างบัญชี Standard และบัญชี Ultra Low คือ “ประมาณ 2.0 pips” ซึ่งความแตกต่างนี้คิดเป็น ต้นทุนที่แตกต่างกันประมาณ 20 USD ต่อการซื้อขาย 1 ล็อต

ด้วยเหตุนี้ สำหรับเดย์เทรดเดอร์และสแกลปเปอร์ที่ซื้อขายบ่อย ความแตกต่างของสเปรดนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรประจำปี ตัวอย่างเช่น หากซื้อขาย GOLD 10 ครั้งต่อวัน การใช้บัญชี Ultra Low จะช่วยลดต้นทุนได้ประมาณ 200 USD ต่อวัน อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าบางประเภท เช่น ดัชนีหุ้นและน้ำมันและก๊าซ ที่ไม่มีความแตกต่างของสเปรดระหว่างบัญชี Standard และบัญชี Ultra Low ในกรณีนี้ บัญชี Standard ที่ได้รับโบนัสเงินฝากจะคุ้มค่ากว่าอย่างแน่นอน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าสเปรดของ XM เนื้อหาต่อไปนี้อธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับ “สเปรดเฉลี่ยล่าสุดของสินค้าทั้งหมดใน XM” “วิธีการคำนวณค่าสเปรด” และ “ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น” หากคุณต้องการข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดใช้ประโยชน์จากเนื้อหาเหล่านี้

 การวิเคราะห์ค่าสเปรดอย่างละเอียดของ XM

นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบสเปรดเฉลี่ยของ XM ได้ในพื้นที่สมาชิก XM หรือในข้อมูลสัญลักษณ์ใน MT4/MT5 และคุณสามารถคำนวณมูลค่าของ 1 pip ในสกุลเงิน THB สำหรับแต่ละสินค้าได้อย่างง่ายดายโดยใช้เครื่องคำนวณ Forex ของ XM

XM Trading Conditions: Swap point
เงื่อนไขการเทรดเกี่ยวกับค่า Swap ของ XM

ค่า Swap เป็นองค์ประกอบสำคัญของรายได้หรือต้นทุนในการซื้อขาย Forex และเป็นเงื่อนไขการเทรด (Trading Conditions) ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ระยะกลางถึงระยะยาวที่ถือครองตำแหน่งข้ามคืน ในส่วนนี้ เราจะอธิบายครอบคลุมตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานของค่า Swap ไปจนถึงวิธีการคำนวณอย่างละเอียด ตารางค่า Swap ของสินค้าหลัก และ การจัดอันดับค่า Swap

แนวคิดพื้นฐานของค่า Swap ในการซื้อขาย Forex

ค่า Swap คือจำนวนเงินปรับปรุงที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย FX โดยอิงจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินของประเทศที่แตกต่างกัน เปรียบเทียบได้กับความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยเมื่อฝากเงินในธนาคารของประเทศที่แตกต่างกัน

กล่าวง่าย ๆ คือเมื่อคุณซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง (เช่น TRY ลีราตุรกี) และขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ (เช่น JPY เยนญี่ปุ่น) แล้วถือครองตำแหน่งนั้นข้ามคืน คุณจะได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยนั้น ซึ่งจะเพิ่มเข้าในบัญชีของคุณเป็นค่า Swap เป็นบวก (กำไร) ในทางตรงกันข้าม เมื่อคุณซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ (เช่น JPY เยนญี่ปุ่น) และขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง (เช่น TRY ลีราตุรกี) แล้วถือครองตำแหน่งนั้นข้ามคืนคุณจะต้องจ่ายส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะถูกหักออกจากบัญชีของคุณเป็นค่า Swap เป็นลบ (ขาดทุน)

ธนาคารกลางของแต่ละประเทศกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนเอง ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานของแต่ละสกุลเงิน ตัวอย่างเช่น หากอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นอยู่ที่ 0.5% และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 4.25% ในทางทฤษฎีจะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 3.75%

อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ Forex เช่น XM จะหักค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ดังนั้น ค่า Swap จึงแตกต่างจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอย่างง่าย และยังมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน

เวลาเกิดค่า Swap ของ XM

ค่า Swap ใน XM เกิดขึ้นเมื่อตลาดนิวยอร์กปิดทำการ (เวลาเซิร์ฟเวอร์ 00:00/GMT+2) เนื่องจากมีความแตกต่างด้านเวลา 11 ชั่วโมงระหว่างไทยและนิวยอร์ก เวลาที่เกิดค่า Swap ในเวลาไทยจึงเป็นดังนี้

เวลาเกิดค่า Swap (เวลาไทย)

นอกจากนี้ ค่า Swap ของ XM มีลักษณะพิเศษต่อไปนี้ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณได้เปรียบในการซื้อขาย

วิธีคำนวณค่า Swap ของ XM เป็นสกุลเงิน THB

ค่า Swap สามารถคำนวณเป็นสกุลเงินอื่นได้ง่าย ๆ โดยพิจารณาค่า Swap ในหน่วยของสกุลเงินด้านขวาของคู่สกุลเงิน (สกุลเงินในการชำระ) ตัวอย่างเช่น หากค่า Swap ของการซื้อ EURGBP คือ “2.20” จำนวนเงินแปลงสกุลเงินคือ “2.20 GBP” จากนั้นคูณ “2.20 GBP” ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน GBPTHB เพื่อคำนวณจำนวนเงิน THB ของค่า Swap

จากการคำนวณนี้ เราพบว่าการถือครองตำแหน่งซื้อ EURUSD 1 ล็อตข้ามคืนจะมีต้นทุนค่า Swap 334 THB ในทำนองเดียวกัน หากค่า Swap ของตำแหน่งขาย EURUSD คือ +3.47 จะมีรายได้จากค่า Swap 3.47 USD × 33.70 = 116.9 THB/ล็อต/วัน

เกี่ยวกับบัญชี Free Swap

ใน XM บัญชี Ultra Low และบัญชี Ultra Low Micro สามารถซื้อขายคู่สกุลเงินหลัก 28 คู่ต่อไปนี้ รวมทั้ง GOLD และ SILVER โดยไม่มีค่า Swap ในฐานะสินค้า Free Swap Free Swap คือสิทธิพิเศษที่ไม่มีค่า Swap เมื่อถือครองตำแหน่งข้ามวัน ช่วยลดต้นทุนการซื้อขายในการเทรดระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งเป็นเงื่อนไขการเทรดเฉพาะของ XM

สินค้า Free Swap เหล่านี้เหมาะสำหรับกลยุทธ์การซื้อขายที่มุ่งเน้นกำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนในระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจากไม่มีค่า Swap เกิดขึ้นเมื่อถือครองตำแหน่งเป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่น เมื่อถือครองตำแหน่งซื้อ GOLD ในระยะกลางถึงระยะยาว หากใช้บัญชีประเภท Ultra Low ที่มี Free Swap คุณจะไม่ประสบกับการขาดทุนจากค่า Swap เป็นลบ ทำให้สามารถมุ่งเน้นที่กำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวได้

ตารางค่า Swap ของสินค้าหลักใน XM

XM มีสินค้าให้ซื้อขายมากกว่า 1500 รายการ ซึ่งรวมถึง “คู่สกุลเงิน” “โลหะมีค่า” “สกุลเงินดิจิทัล” “น้ำมันและก๊าซ” “ดัชนีหุ้น” “สินค้าโภคภัณฑ์” “ดัชนี Thematic” “หุ้น Turbo” และ “หุ้น CFD” แต่ตารางนี้แสดงเฉพาะค่า Swap และจำนวนเงิน USD ที่เทียบเท่าของสินค้าหลักเท่านั้น

สเปรดในตารางได้รับการวัดและอัปเดตจาก MT5 ทุกวัน

ข้อมูลทั้งหมดคำนวณตามการซื้อขาย 1 ล็อต

ค่า Swap ของคู่สกุลเงินหลัก

 คลิกที่แท็บเพื่อเปลี่ยนประเภทบัญชี

ค่า Swap ของโลหะมีค่าและน้ำมันและก๊าซ

 คลิกที่แท็บเพื่อเปลี่ยนประเภทบัญชี

ค่า Swap ของสกุลเงินดิจิทัล

 คลิกที่แท็บเพื่อเปลี่ยนประเภทบัญชี

ค่า Swap ของดัชนีหุ้น

 คลิกที่แท็บเพื่อเปลี่ยนประเภทบัญชี

การจัดอันดับค่า Swap ของ XM

ตารางด้านล่างนี้จัดอันดับเครื่องมือทางการเงินของ XM ที่มีค่า Swap เป็นบวกโดยแสดงอันดับ 1-10

 คลิกที่แท็บเพื่อเปลี่ยนประเภทบัญชี

หากคุณวางแผนที่จะถือครองตำแหน่งในระยะกลางถึงระยะยาว ควรตรวจสอบค่า Swap ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เนื่องจากค่า Swap อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง ค่า Swap อาจเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การเทรด ดังนั้นเราขอแนะนำให้ตรวจสอบค่า Swap เป็นประจำ

เนื้อหาต่อไปนี้นำเสนอตารางค่า Swap ของสินค้าทั้งหมดใน XM ที่อัปเดตทุกวัน และความรู้ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับค่า Swap ของ XM โปรดใช้ประโยชน์จากเนื้อหาเหล่านี้ในการตรวจสอบค่า Swap ประจำวัน

 คู่มือค่า Swap ของ XM ฉบับสมบูรณ์

นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบค่า Swap ที่เปลี่ยนแปลงเป็นประจำได้ในพื้นที่สมาชิก XM หรือในข้อมูลสัญลักษณ์ใน MT4/MT5 และคุณสามารถคำนวณจำนวนเงิน THB ของค่า Swap ได้อย่างง่ายดายโดยใช้เครื่องคำนวณ Forex ของ XM

XM Trading Conditions: Margin and Leverage
เงื่อนไขการเทรดเกี่ยวกับมาร์จิ้นและเลเวอเรจของ XM

เลเวอเรจ (Leverage) เป็นกลไกที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดในปริมาณที่มากกว่าเงินทุนที่มีอยู่ โดย XM มอบเลเวอเรจสูงสุดถึง 1,000 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เลเวอเรจช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน จึงจำเป็นต้องมีความเข้าใจและการจัดการที่เหมาะสม

กลไกการเทรดด้วยเลเวอเรจ

เลเวอเรจคือระบบที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดในมูลค่าที่มากกว่าเงินทุนที่มีอยู่หลายเท่า โดยใช้ “มาร์จิ้น” (เงินประกัน) จำนวนน้อยเป็นหลักประกัน ตัวอย่างเช่น หากใช้เลเวอเรจ 100 เท่า เงิน 1,000 บาทจะสามารถเทรดได้ถึง 100,000 บาท

คุณสามารถปรับเลเวอเรจได้เมื่อเปิดบัญชี หรือปรับผ่านพื้นที่สมาชิกของ XM อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า XM มีข้อจำกัดเลเวอเรจตามมาร์จิ้นที่ใช้ได้ มาร์จิ้นที่ใช้ได้ (Equity) หมายถึงเงินทุนทั้งหมดที่สามารถใช้ในการเทรด ซึ่งคำนวณได้จากสูตรต่อไปนี้

“มาร์จิ้นที่ใช้ได้” = “ยอดเงินในบัญชี” + “กำไร/ขาดทุนที่ยังไม่ได้รับรู้” + “โบนัส”

ข้อจำกัดเลเวอเรจของ XM ถูกออกแบบให้นักเทรดมีความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อมีมาร์จิ้นที่ใช้ได้เพิ่มขึ้น โดยลดเลเวอเรจสูงสุดลงเป็นขั้นตามจำนวนเงินทุน นี่เป็นเหมือนระบบความปลอดภัยของ XM ที่ช่วยป้องกันการเทรดที่มีความเสี่ยงสูงเกินไปสำหรับผู้ที่มีเงินทุนมาก

ข้อจำกัดเลเวอเรจของ XM

มาร์จิ้นที่ใช้ได้	เลเวอเรจสูงสุด
5 – 40,000 USD	สูงสุด 1,000 เท่า
40,001 – 80,000 USD	สูงสุด 500 เท่า
80,001 – 200,000 USD	สูงสุด 200 เท่า
มากกว่า 200,000 USD	สูงสุด 100 เท่า

วิธีคำนวณมาร์จิ้นที่ต้องการของ XM

มาร์จิ้นที่ต้องการ (Required Margin) คือจำนวนมาร์จิ้นที่ใช้ได้ขั้นต่ำที่จำเป็นต่อการเทรด ซึ่งคำนวณจากจำนวนล็อตและเลเวอเรจตามสูตรต่อไปนี้

สูตรคำนวณสำหรับคู่สกุลเงิน

มาร์จิ้นที่ต้องการ = ราคาปัจจุบัน × ปริมาณการเทรด (หน่วยเงินตรา) ÷ เลเวอเรจ

สูตรคำนวณสำหรับสินค้าอื่นที่ไม่ใช่คู่สกุลเงิน

มาร์จิ้นที่ต้องการ = ราคาปัจจุบัน × จำนวนล็อต × ขนาดสัญญา ÷ เลเวอเรจ

“ขนาดสัญญา” หมายถึง “หน่วยพื้นฐานในการซื้อขายครั้งเดียว” ในตลาดการเงิน เป็นปริมาณการซื้อขายมาตรฐานที่กำหนดไว้สำหรับแต่ละสินค้า เช่น ทองคำคือ 100 Troy Ounce (ทรอยออนซ์) Bitcion (บิทคอยน์) คือ 1 บิทคอยน์ โดยแต่ละสินค้าจะมีค่าที่กำหนดไว้แน่นอน

ตัวอย่างขนาดสัญญา

สินค้าทางการเงิน	ขนาดสัญญา
คู่สกุลเงิน	1 ล็อต = 100,000 หน่วยเงินตรา
GOLD	1 ล็อต = 100 ทรอยออนซ์
OIL	1 ล็อต = 100 บาร์เรล
US30Cash	1 ล็อต = 1 USD
BTCUSD	1 ล็อต = 1 BTC

นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของขนาดสัญญา หากคุณต้องการทราบขนาดสัญญาของสินค้าทางการเงินอื่น ๆ กรุณาดูที่ “คู่มือมาร์จิ้นฉบับสมบูรณ์ของ XM” ซึ่งมีขนาดสัญญาของสินค้าทางการเงินทั้งหมดของ XM

กลไกมาร์จิ้นคอลและ Stop out

XM มีมาตรฐานความปลอดภัยตามอัตราการรักษามาร์จิ้นเพื่อปกป้องนักเทรดจากการขาดทุนมากเกินไป อัตราการรักษามาร์จิ้น (Margin Level) เป็นตัวชี้วัดที่แสดงว่าคุณมีเงินทุนเพียงพอที่จะรักษาตำแหน่งปัจจุบันหรือไม่ โดยจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ใน MT4/MT5 เมื่อคุณมีตำแหน่งเปิดอยู่

อัตราการรักษามาร์จิ้นแสดงถึงสัดส่วนของมาร์จิ้นที่ใช้ได้ (เงินสดในบัญชี + โบนัส + กำไรขาดทุน) ต่อมาร์จิ้นที่ต้องการ หากการเทรดต้องใช้มาร์จิ้น 500 บาท และคุณมีมาร์จิ้นที่ใช้ได้ 1,000 บาท อัตราการรักษามาร์จิ้นจะเท่ากับ 200%

สูตรคำนวณอัตราการรักษามาร์จิ้น

อัตราการรักษามาร์จิ้น (%) = มาร์จิ้นที่ใช้ได้ ÷ มาร์จิ้นที่ต้องการ × 100

ใน XM เมื่ออัตราการรักษามาร์จิ้นลดลงต่ำกว่า 50% จะเกิด “มาร์จิ้นคอล” ซึ่งเป็นคำเตือนที่ต้องการให้คุณฝากเงินเพิ่ม ปิดตำแหน่งบางส่วน หรือลดขนาดตำแหน่ง และหากอัตราการรักษามาร์จิ้นลดลงต่ำกว่า 20% จะเกิด “Stop out (การล้างพอร์ตอัตโนมัติ)” ซึ่งระบบจะปิดตำแหน่งที่ขาดทุนมากที่สุดโดยอัตโนมัติตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม XM ได้นำระบบ “Zero Cut (ซีโร่คัท)” มาใช้ตามกฎระเบียบของยุโรปเพื่อคุ้มครองนักลงทุน ซึ่งทำให้ไม่มีการขาดทุนเกินยอดเงินในบัญชีไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ หากเกิดการขาดทุนจนยอดเงินในบัญชีติดลบ คุณไม่จำเป็นต้องฝากเงินเพิ่มและยอดเงินในบัญชีจะถูกรีเซ็ตเป็นศูนย์โดยอัตโนมัติเมื่อคุณฝากเงินครั้งต่อไป ด้วยกลไก Zero Cut นี้ นักเทรดจึงสามารถถือตำแหน่งที่มีเลเวอเรจและความเสี่ยงสูงได้อย่างสบายใจ

ตารางรายการเลเวอเรจสูงสุดและมาร์จิ้นที่ต้องการของสินค้าหลัก

XM มีสินค้าให้ซื้อขายมากกว่า 1,500 รายการ ซึ่งรวมถึง “คู่สกุลเงิน” “โลหะมีค่า” “สกุลเงินดิจิทัล” “น้ำมันและก๊าซ” “ดัชนีหุ้น” “สินค้าโภคภัณฑ์” “ดัชนี Thematic” “หุ้น Turbo” และ “หุ้น CFD” แต่ตารางนี้แสดงเฉพาะเลเวอเรจและมาร์จิ้นที่ต้องการของสินค้าหลักเท่านั้น

สเปรดในตารางได้รับการวัดและอัปเดตจาก MT5 ทุกวัน

ข้อมูลทั้งหมดคำนวณตามการซื้อขาย 1 ล็อต

เลเวอเรจและมาร์จิ้นที่ต้องการของคู่สกุลเงินหลัก

เลเวอเรจและมาร์จิ้นที่ต้องการของโลหะมีค่าและน้ำมันและก๊าซ

เลเวอเรจและมาร์จิ้นที่ต้องการของสกุลเงินดิจิทัล

เลเวอเรจและมาร์จิ้นที่ต้องการของดัชนีหุ้น

การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมต้องปรับขนาดตำแหน่งและหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจที่สูงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหรือก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งตลาดอาจมีความผันผวนสูง

เนื้อหาต่อไปนี้นำเสนอตารางมาร์จิ้นที่ต้องการของสินค้าทั้งหมดใน XM ที่อัปเดตทุกวันและความรู้ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับมาร์จิ้นของ XM โปรดใช้ประโยชน์จากเนื้อหาเหล่านี้ในการจัดการความเสี่ยงประจำวัน

 คู่มือมาร์จิ้นฉบับสมบูรณ์ของ XM

นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบเวลาซื้อขาย ข้อมูลเงินปันผลและวันหมดอายุของสินค้าทางการเงินของ XM ได้ในพื้นที่สมาชิก XM และคุณสามารถคำนวณจำนวนเงิน THB ของมาร์จิ้นที่ต้องการได้อย่างง่ายดายโดยใช้เครื่องคำนวณ Forex ของ XM โปรดใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเหล่านี้

XM Trading Conditions: Trading lot size
เงื่อนไขการเทรดเกี่ยวกับขนาดการเทรดและล็อตของ XM

ในตลาด Forex ขนาดการเทรด (Trading Size) จะแสดงในหน่วยที่เรียกว่า “ล็อต (Lot)” การเลือกหน่วยการซื้อขายนี้มีผลโดยตรงต่อการจัดการความเสี่ยงและผลกำไรของคุณ XM นำเสนอประเภทบัญชีที่หลากหลาย โดยแต่ละประเภทบัญชีมีขนาดล็อตมาตรฐานที่แตกต่างกัน ทำให้นักเทรดสามารถเริ่มต้นเทรดได้อย่างยืดหยุ่นแม้มีเงินทุนน้อย

ในส่วนนี้ เราจะอธิบายอย่างละเอียดตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานของขนาดล็อต ขนาดการซื้อขายขั้นต่ำและสูงสุดใน XM รวมถึงคุณลักษณะของขนาดสัญญาในเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภท เพื่อให้คุณมีความรู้ในการกำหนดขนาดตำแหน่งการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ

ล็อตในการเทรด Forex คืออะไร?

ในการเทรด Forex “ล็อต” คือหน่วยที่ใช้แสดงขนาดของการซื้อขาย โดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ “Standard” “Mini” และ “Micro”

ประเภท	หน่วย
Standard ล็อต	1 ล็อต = 100,000 หน่วยสกุลเงิน
Mini ล็อต	1 ล็อต = 10,000 หน่วยสกุลเงิน
Micro ล็อต	1 ล็อต = 1,000 หน่วยสกุลเงิน

ใน XM บัญชี Standard และบัญชี Ultra Low จะใช้สแตนดาร์ดล็อต ส่วนบัญชี Standard Micro และบัญชี Ultra Low Micro จะใช้ไมโครล็อต ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับขนาดล็อตตามสไตล์การเทรดและปริมาณเงินทุนได้

ขนาดการเทรดขั้นต่ำและขั้นสูงสุดของ XM

ตามที่อธิบายไปแล้ว XM มีขนาดการเทรดที่แตกต่างกันตามประเภทบัญชี ดังนั้น ขนาดการเทรดขั้นต่ำและขั้นสูงสุดจึงแตกต่างกันในแต่ละประเภทบัญชีดังนี้

ควรระวังว่า MT4 และ MT5 มีหน่วยการเทรดขั้นต่ำที่แตกต่างกันสำหรับบัญชีไมโคร ใน MT4 สามารถเทรดได้ตั้งแต่ 0.01 ไมโครล็อต (10 หน่วยสกุลเงิน) แต่ใน MT5 หน่วยขั้นต่ำคือ 0.1 ไมโครล็อต (100 หน่วยสกุลเงิน)

ขนาดสัญญาของสินค้าทางการเงินแต่ละประเภทใน XM

XM มีขนาดสัญญาที่กำหนดไว้เฉพาะสำหรับสินค้าทางการเงินแต่ละประเภท ขนาดสัญญา คือ คำศัพท์ที่ใช้เรียกปริมาณการซื้อขายพื้นฐานเมื่อเทรด 1 ล็อต ซึ่งใช้ในการคำนวณมาร์จิ้นที่ต้องการและการแปลงค่าสเปรดเป็นสกุลเงิน THB การเข้าใจขนาดสัญญาของแต่ละสินค้าจะช่วยให้คุณประเมินกำไรขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นก่อนการเทรด ทำให้สามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต่อไปนี้คือคำอธิบายเกี่ยวกับขนาดสัญญาของสินค้าทางการเงินต่าง ๆ ใน XM

ความเข้าใจที่เหมาะสมเกี่ยวกับความแตกต่างของขนาดสัญญาจะช่วยให้คุณเข้าใจ “ค่าแปลง 1 pip เป็น THB” และ “จำนวนมาร์จิ้นที่ต้องการ” ของแต่ละสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทรดสินค้าทางการเงินที่ไม่ใช่คู่สกุลเงิน การเข้าใจความแตกต่างของขนาดสัญญาในแต่ละสินค้าจะช่วยให้คุณปรับจำนวนล็อตให้เหมาะสมและจัดการความเสี่ยงได้อย่างปลอดภัย

ในที่นี้เราได้แนะนำภาพรวมของขนาดสัญญาสำหรับสินค้าของ XM แต่หากคุณต้องการทราบ “ขนาดสัญญาของสินค้าทั้งหมด” และ “วิธีคำนวณมาร์จิ้นที่ต้องการโดยใช้ขนาดสัญญา” โปรดดูที่ “คู่มือมาร์จิ้นฉบับสมบูรณ์ของ XM” ด้านล่าง

 คู่มือมาร์จิ้นฉบับสมบูรณ์ของ XM

คุณยังสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเวลาซื้อขาย เงินปันผล และวันหมดอายุของสินค้าทางการเงินของ XM ได้ในพื้นที่สมาชิก XM นอกจากนี้ คุณสามารถคำนวณมูลค่า 1 pip ในสกุล THB ได้อย่างง่ายดายโดยใช้เครื่องคำนวณ Forex ของ XM โดยไม่ต้องคำนวณโดยใช้ขนาดสัญญา โปรดใช้ร่วมกันตามความเหมาะสม

XM Trading Conditions: FAQ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเงื่อนไขการเทรดของ XM

สามารถปรับเลเวอเรจใน XM ได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถเปลี่ยนเลเวอเรจได้โดยเข้าไปที่พื้นที่สมาชิก XM ที่เมนู “หน้าหลัก” → “ภาพรวมบัญชี” แล้วเลือกที่ “…” ของบัญชีที่ต้องการ → “เปลี่ยนเลเวอเรจ” อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถเปลี่ยนเลเวอเรจได้หากมีตำแหน่งที่เปิดอยู่ การเปลี่ยนเลเวอเรจจะมีผลทันที

ปิ๊ป (Pip) ใน XM คืออะไร?

Pip คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาในตลาด Forex สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ 1 Pip คือการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 4 (0.0001) เช่น EUR/USD เปลี่ยนจาก 1.0833 เป็น 1.0834 ส่วนทองคำ (GOLD) 1 Pip คือการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งทศนิยมที่ 1 (0.1)

รูปแบบสเปรด (Spread) ของ XM เป็นอย่างไร?

สเปรดของ XM เป็นแบบลอยตัวและใช้ระบบ Market Making สำหรับการกำหนดราคา เนื่องจากไม่ได้ใช้ระบบ ECN/STP จึงไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย โดยต้นทุนทั้งหมดรวมอยู่ในสเปรดแล้ว สเปรดจะกว้างหรือแคบขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของตลาดและช่วงเวลาการซื้อขาย

โบนัสของแต่ละประเภทบัญชี XM แตกต่างกันอย่างไร?

บัญชีประเภท Standard ทั้งหมดสามารถใช้โปรโมชั่นได้ทุกประเภท (โบนัสเทรด $30, โบนัสเงินฝาก, คลับนักเทรดของ XM) สำหรับบัญชีประเภท Ultra Low จะไม่สามารถรับโบนัสเงินฝากเท่านั้น ส่วนบัญชี Shares ไม่สามารถรับโบนัสทั้งหมด

บัญชี Micro ของ XM คืออะไร?

บัญชี Micro ของ XM คือประเภทบัญชีที่สามารถเทรดได้ที่ขนาด 1 ล็อต = 1,000 หน่วยสกุลเงิน ในแพลตฟอร์ม MT4 สามารถเทรดได้เริ่มต้นที่ 0.01 ล็อต (10 หน่วยสกุลเงิน) และใน MT5 เริ่มต้นที่ 0.1 ล็อต (100 หน่วยสกุลเงิน) XM มีทั้งบัญชี Standard Micro และบัญชี Ultra Low Micro

สามารถถือตำแหน่งข้ามวันหยุดสุดสัปดาห์ใน XM ได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถถือตำแหน่งข้ามวันหยุดสุดสัปดาห์ใน XM ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดปิดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจเกิดช่องว่างราคา (Price Gap) ขนาดใหญ่เมื่อตลาดเปิดอีกครั้งในวันจันทร์ โปรดระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงสุดสัปดาห์ที่มีเหตุการณ์สำคัญ

บัญชี Shares ของ XM คืออะไร?

บัญชี Shares ของ XM เป็นบัญชีเฉพาะสำหรับการซื้อขายหุ้นจริงจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี มีเลเวอเรจ 1 เท่า ต้องฝากขั้นต่ำ 10,000 USD มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่ได้รับสิทธิผู้ถือหุ้นและเงินปันผล รองรับเฉพาะสกุลเงิน USD

เวลาซื้อขายของ XM คือเมื่อไหร่?

เวลาซื้อขายของ XM ในประเทศไทยแบ่งเป็นช่วงฤดูร้อน (มีนาคม-พฤศจิกายน) คือวันจันทร์ 04:05 น. ถึงวันเสาร์ 03:50 น. และช่วงฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มีนาคม) คือวันจันทร์ 05:05 น. ถึงวันเสาร์ 04:50 น. เวลาอาจแตกต่างกันตามประเภทสินค้า