สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริมจากการเทรด Forex แต่มีเวลาจำกัด
“อยากเรียนรู้การเทรด Forex แต่ทำงานประจำจนแทบไม่มีเวลา…”
“กลัวว่าจะเสียเงินเพราะยังขาดประสบการณ์ในการเทรด…”
อาจมีบางคนที่มีความกังวลเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวัน การศึกษาของ Bloomberg แสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใช้เวลาเทรดเพียง 1-2 ชั่วโมงต่อวัน โดยมุ่งเน้นที่คุณภาพของการวิเคราะห์และการตัดสินใจ
ผู้เขียนจะแบ่งปันวิธีการเทรด Forex แบบระยะสั้นที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จากประสบการณ์มากกว่า 10 ปี
ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับการเทรดสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด
- วิธีการวิเคราะห์กราฟและจุดเข้า-ออกที่แม่นยำในการเทรดระยะสั้น
- การจัดการความเสี่ยงและการควบคุมจิตวิทยาในการเทรด
- การใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเทรดแบบใช้เวลาจำกัด
เข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรด Forex ท่ามกลางความรับผิดชอบที่มีอยู่อาจสร้างความกังวล แต่หากเรียนรู้และปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้อง การเทรด Forex สามารถสร้างผลตอบแทน 2-3% ต่อเดือนได้อย่างสม่ำเสมอ โปรดใช้บทความนี้เป็นแนวทางในการเริ่มต้นสร้างรายได้เสริมจากการเทรด!
เทคนิคการเทรด Forex ที่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวัน
เทคนิคการเทรด Forex ที่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวัน
การเทรด Forex ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวันนั่งจ้องหน้าจอ
จากการศึกษาของ Bloomberg พบว่า 43% ของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใช้เวลาเทรดไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
ในบทความนี้ ผู้เขียนจะแนะนำวิธีการเทรดที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด โดยเน้นที่การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมและการวิเคราะห์กราฟอย่างรวดเร็วแต่แม่นยำ
ช่วงเวลาทองของการเทรดระยะสั้นสำหรับคนไทย
สำหรับนักเทรดชาวไทย ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเทรด Forex คือช่วง 19:00-21:00 น
เหตุผลที่ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดมีดังนี้:
- เป็นช่วงที่ตลาดยุโรปและอเมริกาเปิดทำการพร้อมกัน ทำให้มีสภาพคล่องสูง
- ราคามีความผันผวนมากพอที่จะสร้างโอกาสในการทำกำไร
- เป็นช่วงหลังเลิกงานที่คนส่วนใหญ่มีเวลาว่าง
สำหรับการบริหารเวลา 2 ชั่วโมง ผู้เขียนแนะนำให้แบ่งเป็น:
-
30 นาทีแรก: เตรียมความพร้อม
ใช้เวลาในการอ่านข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ ตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจ และวิเคราะห์ภาพรวมตลาด การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
-
60 นาที: เทรดอย่างมีวินัย
มุ่งเน้นที่คู่เงินหลัก 2-3 คู่ที่คุ้นเคย กำหนดเป้าหมายกำไรและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน หากถึงเป้าหมายให้หยุดเทรดทันที แม้จะยังไม่หมดเวลา
-
30 นาทีสุดท้าย: สรุปและวางแผน
บันทึกผลการเทรด วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน และวางแผนสำหรับวันถัดไป การทบทวนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยพัฒนาฝีมือการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีวิเคราะห์กราฟแบบรวดเร็วแต่แม่นยำ
การวิเคราะห์กราฟที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเทรดระยะสั้นต้องรวดเร็วแต่แม่นยำ
ผู้เขียนแนะนำวิธีการวิเคราะห์แบบ “3-2-1” ดังนี้:
-
3 กรอบเวลา
วิเคราะห์กราฟ 3 timeframe ได้แก่ H4 เพื่อดูแนวโน้มหลัก, H1 เพื่อหาจุดเข้าเทรด และ M15 เพื่อหาจุดเข้าที่แม่นยำ การดูหลาย timeframe จะช่วยยืนยันสัญญาณการเทรดได้แม่นยำขึ้น
-
2 เครื่องมือหลัก
ใช้เพียง 2 เครื่องมือทางเทคนิค ได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) และ RSI การใช้เครื่องมือน้อยชิ้นแต่เข้าใจอย่างลึกซึ้งจะช่วยลดความสับสนในการตัดสินใจ
-
1 กฎเหล็ก
ตั้งกฎว่าจะเทรดเมื่อทุกปัจจัยสอดคล้องกันเท่านั้น เช่น เทรด Long เมื่อ (1) ทุก timeframe เป็นขาขึ้น (2) ราคาอยู่เหนือเส้น MA และ (3) RSI ไม่เกิน 70 การมีกฎที่ชัดเจนจะช่วยควบคุมอารมณ์ในการเทรดได้ดี
-
เทคนิคการเพิ่มความแม่นยำ
นอกจากการใช้วิธี 3-2-1 แล้ว ควรเพิ่มความแม่นยำด้วยการดูแนวรับแนวต้านและรูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญ โดยเฉพาะในจุดที่ราคามีปฏิกิริยากับแนวรับแนวต้านในอดีต มักเป็นจุดที่มีโอกาสทำกำไรสูง
-
การยืนยันสัญญาณ
อย่าเร่งรีบเข้าเทรดทันทีที่เห็นสัญญาณ ให้รอการยืนยันจากแท่งเทียนอย่างน้อย 1-2 แท่ง เช่น เมื่อราคาทะลุแนวต้าน ให้รอดูว่าสามารถยืนเหนือแนวต้านได้หรือไม่ การรอยืนยันแม้จะทำให้จุดเข้าไม่ใช่จุดที่ดีที่สุด แต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกได้มาก
-
การจัดการความเสี่ยง
กำหนด Stop Loss ทุกครั้งในระยะ 20-30 pips จากจุดเข้า และตั้งเป้าหมายกำไรที่ 40-60 pips อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 นี้จะช่วยให้มีกำไรในระยะยาวแม้อัตราการชนะจะต่ำกว่า 50%
-
การบริหารเงินทุน
ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 2-3% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง หากมีเงินทุน 100,000 บาท ให้ใช้เงินไม่เกิน 2,000-3,000 บาทต่อการเทรด 1 ครั้ง การบริหารความเสี่ยงที่ดีจะช่วยให้สามารถอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว
-
การทำบันทึกการเทรด
จดบันทึกรายละเอียดทุกการเทรด ทั้งเหตุผลในการเข้า จุดเข้า-ออก ผลกำไรขาดทุน และบทเรียนที่ได้ การทบทวนบันทึกสม่ำเสมอจะช่วยให้เห็นรูปแบบความผิดพลาดและโอกาสในการพัฒนา
3 กลยุทธ์ Scalping ที่ทำกำไรได้สม่ำเสมอ
3 กลยุทธ์ Scalping ที่ทำกำไรได้สม่ำเสมอ
การทำกำไรจากการเทรด Forex ระยะสั้นให้สำเร็จนั้น ต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมและการบริหารความเสี่ยงที่ดี
จากสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าผู้เทรด Forex รายย่อยขาดทุนเนื่องจากไม่มีแผนการเทรดที่ชัดเจน
ในส่วนนี้ ผู้เขียนจะแนะนำ 3 กลยุทธ์หลักที่จะช่วยให้คุณทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะกับผู้เทรดที่มีเวลาจำกัด
การใช้ Stop Loss อย่างชาญฉลาดเพื่อจำกัดความเสี่ยง
Stop Loss คือเครื่องมือสำคัญที่สุดในการควบคุมความเสี่ยงสำหรับการเทรดระยะสั้น
“การเทรดโดยไม่ใช้ Stop Loss เหมือนการขับรถที่ไม่มีเบรก” นี่คือสิ่งที่นักเทรดมืออาชีพมักพูดเสมอ
ต่อไปนี้คือวิธีการตั้ง Stop Loss ที่มีประสิทธิภาพ:
- ตั้ง Stop Loss ที่จุดที่เทคนิคการวิเคราะห์ของคุณผิด ไม่ใช่ตั้งตามจำนวนเงินที่ยอมขาดทุนได้
- หาจุดที่ราคามีแนวโน้มจะกลับตัว เช่น แนวรับแนวต้านสำคัญ หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
- ใช้ความผันผวนของตลาดช่วงนั้นๆ เป็นตัวกำหนดระยะห่างของ Stop Loss
สำหรับการเทรดระยะสั้น ควรจำกัดความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง
ตัวอย่างเช่น หากมีเงินในพอร์ต 100,000 บาท ความเสียหายสูงสุดต่อการเทรด 1 ครั้งไม่ควรเกิน 1,000-2,000 บาท
การวางแผน Position Size ให้เหมาะกับเงินทุน
การกำหนดขนาดการเทรด (Position Size) ที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการรักษาเงินทุนให้อยู่รอดในระยะยาว
จากการศึกษาของสถาบันวิจัยการเงินพบว่า 80% ของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จใช้ Position Size ไม่เกิน 3% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง
วิธีคำนวณ Position Size ที่เหมาะสม:
-
ใช้สูตร Position Size = (เงินทุน x %ความเสี่ยงที่ยอมรับได้) ÷ (จุด Stop Loss x มูลค่าต่อจุด)
เช่น หากมีทุน 100,000 บาท ยอมรับความเสี่ยง 2% Stop Loss 50 จุด มูลค่าจุดละ 10 บาท Position Size = (100,000 x 0.02) ÷ (50 x 10) = 4 Lot
-
ปรับ Position Size ตามสภาพตลาด
ลดขนาดการเทรดลงในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง และเพิ่มขึ้นเมื่อตลาดมีทิศทางชัดเจน
-
รักษาสัดส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 เป็นอย่างน้อย
หากตั้ง Stop Loss 50 จุด ควรตั้งเป้าทำกำไรอย่างน้อย 100 จุด เพื่อให้คุ้มค่ากับความเสี่ยง
เทคนิคการจับจังหวะเข้า-ออกด้วย Time Frame สั้น
การเทรดระยะสั้นต้องอาศัยการวิเคราะห์กราฟในกรอบเวลาที่เล็กลง เพื่อจับจังหวะการเข้า-ออกที่แม่นยำ
สำหรับการเทรดแบบ Scalping ผู้เขียนแนะนำให้ใช้การวิเคราะห์แบบ Multi Time Frame ดังนี้:
-
ใช้กราฟ 1 ชั่วโมงดูแนวโน้มหลัก
วิเคราะห์ทิศทางของตลาดในภาพรวม เพื่อเทรดตามแนวโน้มหลัก ไม่เทรดสวนเทรนด์
-
ใช้กราฟ 15 นาทีหาจุดเข้า
มองหารูปแบบการกลับตัวของราคา เช่น แท่งเทียนกลับตัว หรือการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ย
-
ใช้กราฟ 5 นาทีหาจุดออก
ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด เพื่อทำกำไรได้ทันทีที่เห็นสัญญาณอ่อนแอ
สิ่งสำคัญคือต้องรอให้เห็นการยืนยันของราคาในทุก Time Frame ก่อนเข้าเทรด
อย่าใจร้อนเข้าเทรดเมื่อเห็นสัญญาณในกรอบเวลาเดียว เพราะอาจเป็นสัญญาณหลอกได้
แผนการเทรดสำหรับผู้มีเวลาจำกัด
แผนการเทรดสำหรับผู้มีเวลาจำกัด
การสร้างรายได้จากการเทรด Forex ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวัน หากรู้จักวางแผนและใช้เครื่องมือที่เหมาะสม คุณสามารถบริหารจัดการการเทรดได้แม้มีเวลาจำกัด
การเทรดที่มีประสิทธิภาพไม่ได้วัดจากจำนวนชั่วโมงที่ใช้ แต่วัดจากคุณภาพของการวิเคราะห์และการตัดสินใจ สถิติจาก Bloomberg แสดงให้เห็นว่า เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใช้เวลาเทรดไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
ในส่วนนี้ เราจะอธิบายวิธีการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มั่นคง การใช้ระบบอัตโนมัติ และการควบคุมจิตใจเมื่อเผชิญกับความผันผวนของตลาด
การสร้างพอร์ตการลงทุนที่มั่นคงด้วย Swing Trading
Swing Trading เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด เนื่องจากใช้กรอบเวลาที่ยาวขึ้น ทำให้ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา
“คุณอาจกำลังกังวลว่าการทำงานประจำจะเป็นอุปสรรคต่อการเทรด Forex” แต่ Swing Trading สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยมีหลักการดังนี้:
-
ใช้กรอบเวลา 4 ชั่วโมงถึงรายวัน
การวิเคราะห์กราฟในกรอบเวลาที่ยาวขึ้นช่วยลดความถี่ในการเข้าดูตลาด ทำให้สามารถทำงานประจำได้โดยไม่กระทบกับการเทรด
-
วางแผนการเทรดล่วงหน้า
กำหนดจุดเข้า-ออกและการจัดการความเสี่ยงไว้ล่วงหน้า แล้วใช้คำสั่ง Pending Order ทำให้ไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอ
-
เลือกช่วงเวลาเทรดที่เหมาะสม
มุ่งเน้นการเทรดในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง เช่น 19:00-24:00 น. ตามเวลาไทย ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดยุโรปและอเมริกาเปิดพร้อมกัน
วิธีใช้ Algorithmic Trading ช่วยในการเทรดอัตโนมัติ
การใช้ระบบเทรดอัตโนมัติสามารถช่วยประหยัดเวลาและลดอารมณ์ในการเทรด โดยระบบจะทำงานตามกลยุทธ์ที่เราตั้งไว้
“หลายคนอาจกังวลว่าการใช้ระบบอัตโนมัติจะซับซ้อนเกินไป” แต่ในความเป็นจริง มีวิธีการเริ่มต้นที่ไม่ยากดังนี้:
-
เริ่มจากระบบง่าย ๆ
ใช้ Expert Advisor (EA) สำเร็จรูปที่มีกลยุทธ์พื้นฐาน เช่น การเทรดตาม Moving Average หรือ RSI ก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปสู่ระบบที่ซับซ้อนขึ้น
-
ทดสอบในบัญชีทดลอง
ใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 เดือนในการทดสอบระบบในบัญชีทดลอง เพื่อประเมินประสิทธิภาพและปรับแต่งพารามิเตอร์ให้เหมาะสม
-
ตั้งค่าการแจ้งเตือน
กำหนดให้ระบบส่งการแจ้งเตือนผ่านมือถือเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ เช่น การเปิด-ปิดออเดอร์ หรือเมื่อระบบพบปัญหา
การควบคุมจิตวิทยาเมื่อเผชิญความผันผวนของตลาด
ความสำเร็จในการเทรด Forex ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์หรือเครื่องมือเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์เมื่อเผชิญกับความผันผวนของตลาด
“คุณอาจรู้สึกกดดันเมื่อต้องรับมือกับการขาดทุน” ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน มาดูวิธีจัดการกับความเครียดดังนี้:
-
กำหนดกฎการเทรดที่ชัดเจน
สร้างแผนการเทรดที่ระบุเงินทุน ความเสี่ยงต่อออเดอร์ และจุดเข้า-ออกอย่างชัดเจน เพื่อลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์
-
ใช้ Trading Journal
บันทึกทุกการเทรดพร้อมเหตุผล ทั้งที่กำไรและขาดทุน เพื่อทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ
-
สร้างกิจวัตรที่ดี
จัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมผ่อนคลายเพื่อรักษาสมดุลทางจิตใจ
ความท้าทายทางจิตวิทยาเป็นอุปสรรคสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องเผชิญ โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานประจำควบคู่กับการเทรด มาดูเทคนิคเพิ่มเติมในการจัดการความเครียดและรักษาสมดุลทางอารมณ์:
-
แบ่งพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม
ไม่ควรใช้เงินเก็บทั้งหมดในการเทรด แนะนำให้แบ่งเงินลงทุนเป็นส่วน ๆ และเริ่มต้นด้วยจำนวนที่สูญเสียแล้วไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น 5-10% ของเงินออม
-
ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้
การตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่สูงเกินไป เช่น 50% ต่อเดือน อาจนำไปสู่การเทรดที่เสี่ยงเกินไป ควรตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผล เช่น 2-3% ต่อเดือน และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามประสบการณ์
-
มีแผนสำรองรองรับความเสี่ยง
เตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การขาดทุนเกินที่คาดไว้ หรือปัญหาทางเทคนิค โดยอาจกำหนดจุด Stop Trading เมื่อขาดทุนถึงระดับที่กำหนด หรือมีเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน
-
สร้างเครือข่ายเทรดเดอร์
เข้าร่วมชุมชนเทรดเดอร์ออนไลน์หรือกลุ่มศึกษาการเทรด เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และได้รับกำลังใจเมื่อเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ควรระวังไม่ให้ความคิดเห็นของผู้อื่นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากเกินไป
-
พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
ใช้เวลาว่างในการศึกษาและพัฒนาความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex อย่างสม่ำเสมอ เช่น อ่านบทวิเคราะห์ เรียนรู้เครื่องมือใหม่ ๆ หรือทดลองกลยุทธ์ต่าง ๆ ในบัญชีทดลอง ความมั่นใจในความสามารถของตนเองจะช่วยลดความกังวลเมื่อต้องตัดสินใจเทรด
การรักษาสมดุลระหว่างการทำงานประจำ การเทรด และการดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ สถิติพบว่า เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านจิตวิทยาการเทรดมากพอ ๆ กับการพัฒนากลยุทธ์การเทรด
เทคนิคสำคัญในการควบคุมอารมณ์ขณะเทรด:
- หยุดพักเมื่อรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้า ไม่ควรฝืนเทรดในสภาวะที่ไม่พร้อม
- ไม่เพิ่มขนาดการเทรดเพื่อทวงคืนการขาดทุน การทำเช่นนั้นมักนำไปสู่การขาดทุนที่มากขึ้น
- มองการขาดทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ ไม่ใช่ความล้มเหลว
- รักษาสมดุลชีวิต ไม่ให้การเทรดมาแทนที่กิจกรรมสำคัญอื่น ๆ
- ยอมรับว่าไม่มีใครสามารถทำกำไรได้ทุกการเทรด การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ
สรุป: เทคนิคการเทรด Forex ที่เหมาะกับผู้มีเวลาจำกัดและต้องการสร้างรายได้เสริม
ในครั้งนี้ เราได้พูดถึงผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริมจากการเทรด Forex แม้มีเวลาจำกัด โดยกล่าวถึง
- เทคนิคการเทรดที่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงต่อวัน
- กลยุทธ์ Scalping ที่ทำกำไรได้สม่ำเสมอ
- แผนการเทรดสำหรับผู้มีเวลาจำกัด
โดยผู้เขียนได้แบ่งปันประสบการณ์จากการเป็นเทรดเดอร์อิสระมากกว่า 10 ปี
หากผู้อ่านกำลังมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมที่มีศักยภาพ การเทรด Forex ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสามารถทำควบคู่ไปกับการทำงานประจำหรือธุรกิจส่วนตัวได้
ความพยายามที่ผู้อ่านได้ศึกษาและทดลองเทรดในบัญชีทดลองที่ผ่านมาเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรด Forex อาจสร้างความกังวลเรื่องการขาดทุนและการบริหารเวลา โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีภาระทางการเงินและครอบครัว
แต่หากเริ่มจากการเรียนรู้พื้นฐานที่ถูกต้อง ใช้การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และค่อย ๆ พัฒนาทักษะ ผู้อ่านสามารถสร้างรายได้เสริม 2-3% ต่อเดือนได้อย่างสม่ำเสมอ
มาเริ่มต้นสร้างอิสรภาพทางการเงินด้วยการเทรด Forex กันเถอะ!
ความคิดเห็น