“อยากเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ แต่ยิ่งพยายามควบคุมอารมณ์ก็ยิ่งขาดทุน…”
“รู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดพลาดกับพฤติกรรมการเทรดของตัวเอง แต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร…”
จากประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาให้กับเทรดเดอร์มากมาย ผู้เขียนพบว่า เทรดเดอร์ที่ขาดทุนมีสาเหตุมาจากการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ไม่ใช่เพราะขาดความรู้หรือเทคนิคการวิเคราะห์
การพัฒนาพฤติกรรมการเทรดที่ดีเป็นเรื่องที่สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ เริ่มต้นจากการเข้าใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองอย่างเป็นระบบ
ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับพฤติกรรมที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ
- อารมณ์และความกลัวที่มักทำให้ขาดทุน
- พฤติกรรมสำคัญที่ช่วยควบคุมการเทรดให้มีประสิทธิภาพ
- วิธีสร้างนิสัยการเทรดที่ดีอย่างยั่งยืน
โดยผู้เขียนจะแบ่งปันประสบการณ์จริงในฐานะเทรดเดอร์และที่ปรึกษามากว่า 10 ปี
สำหรับผู้ที่กำลังพยายามพัฒนาตนเองเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมที่ถูกต้องและวิธีการปรับปรุงตนเองอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในการเทรดอย่างยั่งยืน
อารมณ์และความกลัวที่ทำให้เทรดเดอร์ขาดทุน
อารมณ์และความกลัวที่ทำให้เทรดเดอร์ขาดทุน
การควบคุมอารมณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเทรดให้ประสบความสำเร็จ จากการศึกษาพบว่า เทรดเดอร์ที่ขาดทุนมีสาเหตุมาจากการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ไม่ใช่เพราะขาดความรู้หรือเทคนิคการวิเคราะห์
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เทรดเดอร์มักใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลคือ ความกลัวและความโลภที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาด ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มักตอบสนองต่อความเสี่ยงด้วยอารมณ์มากกว่าตรรกะ
มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบของอารมณ์และสาเหตุที่ทำให้เทรดเดอร์มักใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
ผลกระทบของอารมณ์ต่อการตัดสินใจเทรด
อารมณ์มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจในการเทรด โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน สถาบันการเงินชั้นนำได้ทำการวิจัยพบว่า เทรดเดอร์ที่ตัดสินใจด้วยอารมณ์มักมีผลตอบแทนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
“ผมมักรู้สึกลังเลเวลาจะเข้าออเดอร์ แม้จะวิเคราะห์มาดีแล้วก็ตาม” เป็นความรู้สึกที่พบบ่อยในเทรดเดอร์มือใหม่
ผลกระทบของอารมณ์ต่อการเทรดมีหลายรูปแบบ:
-
ความกลัวการขาดทุน (Loss Aversion)
มนุษย์มักรู้สึกเจ็บปวดกับการขาดทุนมากกว่าความสุขจากกำไรในจำนวนที่เท่ากัน ทำให้เทรดเดอร์มักปิดกำไรเร็วเกินไปและถือขาดทุนนานเกินไป หวังว่าราคาจะกลับมา
-
ความโลภและความกลัวพลาดโอกาส
เมื่อเห็นราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์มักเกิดความกลัวว่าจะพลาดโอกาส จึงรีบเข้าซื้อโดยไม่วิเคราะห์ให้รอบคอบ ทำให้มักซื้อในราคาที่สูงเกินไป
-
การตัดสินใจแบบอคติยืนยัน
เมื่อมีความเชื่อในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เทรดเดอร์มักจะมองหาแต่ข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของตน และละเลยสัญญาณเตือนที่ขัดแย้ง
สาเหตุที่เทรดเดอร์มักใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
การใช้อารมณ์ในการเทรดไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มักตอบสนองต่อความเสี่ยงและความไม่แน่นอนด้วยอารมณ์ การเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้เราจัดการกับมันได้ดีขึ้น
สาเหตุหลักที่ทำให้เทรดเดอร์มักใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ:
-
ขาดระบบการเทรดที่ชัดเจน
เมื่อไม่มีแผนและระบบที่ชัดเจน เทรดเดอร์มักตัดสินใจด้วยความรู้สึก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน การไม่มีเป้าหมายและจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนทำให้ง่ายต่อการถูกอารมณ์ครอบงำ
-
ความกดดันจากเงินทุน
การใช้เงินลงทุนที่มากเกินไปหรือการกู้ยืมมาลงทุนสร้างความกดดันทางจิตใจ ทำให้การตัดสินใจถูกครอบงำด้วยความกลัวการสูญเสีย ส่งผลให้ไม่สามารถปฏิบัติตามแผนที่วางไว้
-
ความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล
หลายคนเริ่มต้นเทรดด้วยความคาดหวังผลตอบแทนที่สูงเกินจริง เมื่อไม่เป็นไปตามที่หวัง จึงเกิดความเครียดและตัดสินใจด้วยอารมณ์ เช่น การเพิ่มขนาดการเทรดเพื่อหวังกำไรให้ได้ตามเป้า
-
การติดตามราคาตลอดเวลา
การจ้องกราฟราคาตลอดเวลาทำให้เกิดความเครียดและความกดดัน โดยเฉพาะเมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่มีเหตุผลเพื่อบรรเทาความกังวล
4 พฤติกรรมสำคัญที่ช่วยควบคุมการเทรดให้มีประสิทธิภาพ
4 พฤติกรรมสำคัญที่ช่วยควบคุมการเทรดให้มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาพฤติกรรมการเทรดที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในตลาดการเงิน
จากการศึกษาพบว่า เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมีพฤติกรรมการเทรดที่เป็นระบบและมีวินัย โดยเฉพาะในด้านการจดบันทึก การวางแผน การจัดการความเสี่ยง และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
ต่อไปนี้คือ 4 พฤติกรรมสำคัญที่จะช่วยให้คุณควบคุมการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การจดบันทึกและวิเคราะห์การเทรดอย่างเป็นระบบ
การจดบันทึกการเทรดอย่างเป็นระบบเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาตนเองให้เป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
“คุณอาจรู้สึกว่าการจดบันทึกเป็นเรื่องยุ่งยากและเสียเวลา”แต่จากการศึกษาของสถาบันการเงินชั้นนำพบว่า เทรดเดอร์ที่มีการจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าถึง 3 เท่า
สิ่งที่ควรบันทึกในสมุดบันทึกการเทรด มีดังนี้:
-
ข้อมูลพื้นฐานของการเทรด
บันทึกวันที่ เวลา สินทรัพย์ที่เทรด จุดเข้า-ออก ขนาดพอร์ต และผลกำไรขาดทุนการบันทึกข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการเทรดและแนวโน้มของผลลัพธ์
-
เหตุผลในการเข้าเทรด
อธิบายว่าทำไมถึงตัดสินใจเทรด ใช้กลยุทธ์อะไร และมีการวิเคราะห์อย่างไรการบันทึกเหตุผลจะช่วยให้คุณทบทวนและปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจได้
-
สภาวะอารมณ์และจิตใจ
บันทึกความรู้สึกและอารมณ์ในขณะเทรด ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเทรดการเข้าใจอารมณ์ของตนเองจะช่วยให้คุณควบคุมการตัดสินใจได้ดีขึ้น
-
บทเรียนและสิ่งที่ได้เรียนรู้
สรุปข้อผิดพลาดและความสำเร็จจากการเทรดแต่ละครั้งการทบทวนบทเรียนจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำและพัฒนาทักษะการเทรด
การสร้างแผนและกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน
การมีแผนและกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่แยกเทรดเดอร์มืออาชีพออกจากมือสมัครเล่น
“คุณอาจเคยเทรดโดยใช้ความรู้สึกและสัญชาตญาณเป็นหลัก”แต่การศึกษาจากสถาบันวิจัยด้านการเงินพบว่า เทรดเดอร์ที่มีแผนการเทรดที่ชัดเจนมีโอกาสทำกำไรสูงกว่า
องค์ประกอบสำคัญของแผนการเทรดที่ดี:
-
เป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้
กำหนดเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีหลักการ
-
กฎการเข้า-ออกที่แน่นอน
กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนว่าเมื่อใดควรเข้าเทรดและเมื่อใดควรออกจากการเทรดการมีกฎที่แน่นอนจะช่วยลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์
-
การจัดการเงินทุนที่เหมาะสม
วางแผนการใช้เงินทุนในแต่ละการเทรด โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนการจัดการเงินทุนที่ดีจะช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว
-
ขั้นตอนการวิเคราะห์ตลาด
กำหนดวิธีการวิเคราะห์ตลาดที่ใช้ในการตัดสินใจ ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานการมีขั้นตอนที่ชัดเจนจะช่วยให้การวิเคราะห์เป็นระบบมากขึ้น
การจัดการความเสี่ยงและพอร์ตการลงทุน
การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นทักษะสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
“คุณอาจกังวลว่าการจำกัดความเสี่ยงจะทำให้พลาดโอกาสทำกำไร”แต่ข้อมูลจากผู้จัดการกองทุนชั้นนำแสดงให้เห็นว่า เทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงมากกว่าการทำกำไรสูงสุด มักจะประสบความสำเร็จในระยะยาว
หลักการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ:
-
กฎ 1% – 2%
จำกัดความเสี่ยงในแต่ละการเทรดไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดการจำกัดความเสี่ยงจะช่วยปกป้องพอร์ตของคุณจากการขาดทุนครั้งใหญ่
-
การกระจายความเสี่ยง
แบ่งการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทและใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายการกระจายความเสี่ยงจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด
-
การใช้ Stop Loss
กำหนดจุด Stop Loss ทุกครั้งที่เข้าเทรดและเคารพมันอย่างเคร่งครัดการใช้ Stop Loss จะช่วยจำกัดการขาดทุนและรักษาวินัยในการเทรด
-
การติดตามผลการดำเนินงาน
วัดและประเมินผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น Sharpe Ratio, Maximum Drawdownการติดตามผลจะช่วยให้คุณปรับปรุงการจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
การพัฒนาความมั่นใจผ่านการทดลองเทรดในบัญชีเดโม
การฝึกฝนในบัญชีเดโมเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาความมั่นใจและทักษะการเทรด
“คุณอาจรู้สึกว่าการเทรดในบัญชีเดโมไม่เหมือนการเทรดจริง”แต่การวิจัยจากสถาบันการเงินพบว่า เทรดเดอร์ที่ใช้เวลาฝึกฝนในบัญชีเดโมอย่างจริงจังมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าถึง 2 เท่า
วิธีใช้บัญชีเดโมให้เกิดประโยชน์สูงสุด:
-
จำลองสถานการณ์จริง
ใช้เงินทุนในบัญชีเดโมเท่ากับเงินทุนจริงที่คุณวางแผนจะใช้การจำลองสถานการณ์ที่ใกล้เคียงความจริงจะช่วยให้การฝึกฝนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
ทดสอบกลยุทธ์ใหม่
ใช้บัญชีเดโมในการทดสอบกลยุทธ์และแนวคิดการเทรดใหม่ ๆ ก่อนนำไปใช้จริงการทดสอบจะช่วยให้คุณมั่นใจในระบบการเทรดของตนเอง
-
บันทึกและวิเคราะห์
จดบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรดในบัญชีเดโมเหมือนกับบัญชีจริงการวิเคราะห์จะช่วยให้คุณเห็นจุดแข็งและจุด
อ่อนในการเทรดของคุณ
-
ฝึกควบคุมอารมณ์
ใช้บัญชีเดโมในการฝึกควบคุมอารมณ์และจิตวิทยาการเทรดแม้จะเป็นเงินในบัญชีเดโม แต่การฝึกควบคุมอารมณ์จะช่วยสร้างนิสัยที่ดีเมื่อเทรดจริง
เคล็ดลับสำหรับการใช้บัญชีเดโมอย่างมีประสิทธิภาพ:
- กำหนดระยะเวลาในการทดลองเทรดที่ชัดเจน อย่างน้อย 3-6 เดือน
- ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนและการจัดการความเสี่ยงเหมือนการเทรดจริง
- จดบันทึกและวิเคราะห์ทุกการเทรดอย่างละเอียด
- พยายามควบคุมอารมณ์และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
การใช้บัญชีเดโมอย่างจริงจังไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะการเทรด แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจที่จำเป็นสำหรับการเทรดในตลาดจริง
วิธีสร้างนิสัยการเทรดที่ดีอย่างยั่งยืน
วิธีสร้างนิสัยการเทรดที่ดีอย่างยั่งยืน
การสร้างนิสัยการเทรดที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จในระยะยาว
จากการศึกษาพบว่า เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมีระบบและนิสัยการเทรดที่ชัดเจน ในขณะที่เทรดเดอร์ที่ไม่มีระบบมักประสบปัญหาขาดทุนในระยะยาว
ในส่วนนี้ เราจะอธิบายถึงวิธีการพัฒนานิสัยการเทรดที่ดีและยั่งยืน เพื่อให้สามารถประสบความสำเร็จในการเทรดได้อย่างต่อเนื่อง
การฝึกฝนควบคุมอคติและความโลภในการเทรด
อคติและความโลภเป็นศัตรูตัวร้ายที่สุดของเทรดเดอร์ การควบคุมอารมณ์เหล่านี้จึงเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดที่ต้องฝึกฝน
“อยากได้กำไรคืนเร็วๆ หลังจากขาดทุน” หรือ “กลัวพลาดโอกาสทำกำไร” เป็นความรู้สึกที่เทรดเดอร์ทุกคนเคยประสบ แต่การตัดสินใจภายใต้อารมณ์เหล่านี้มักนำไปสู่การขาดทุนที่มากขึ้น
วิธีการควบคุมอคติและความโลภที่ได้ผล:
-
กำหนดกฎการเทรดที่ชัดเจน
สร้างแผนการเทรดที่ระบุจุดเข้า จุดออก และการจัดการความเสี่ยงอย่างชัดเจน เมื่อเกิดอารมณ์ ให้ยึดกฎเหล่านี้เป็นหลัก ไม่ตัดสินใจด้วยความรู้สึก
-
จำกัดขนาดการเทรด
กำหนดขนาดการเทรดต่อครั้งไม่เกิน 1-2% ของเงินลงทุนทั้งหมด การจำกัดความเสี่ยงจะช่วยลดแรงกดดันทางอารมณ์
-
บันทึกและทบทวนการเทรด
จดบันทึกทุกการเทรดพร้อมเหตุผลและอารมณ์ที่เกิดขึ้น การทบทวนจะช่วยให้เห็นรูปแบบพฤติกรรมที่ต้องปรับปรุง
-
พักการเทรดเมื่อมีอารมณ์
หากรู้สึกเครียด โกรธ หรือกังวลมาก ให้หยุดพักการเทรดชั่วคราว กลับมาเทรดอีกครั้งเมื่อจิตใจสงบ
-
ฝึกสติและการหายใจ
ก่อนเริ่มเทรดและระหว่างวัน ให้ฝึกหายใจลึกๆ และรู้ตัวถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้น สติจะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น
เทคนิคการปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มตลาด
ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป
การปรับตัวที่มีประสิทธิภาพเริ่มจากการวิเคราะห์ตลาดอย่างเป็นระบบ นี่คือเทคนิคที่จะช่วยให้ปรับตัวได้ดีขึ้น:
-
วิเคราะห์หลายกรอบเวลา
ศึกษากราฟหลายกรอบเวลาเพื่อเข้าใจแนวโน้มใหญ่และเล็ก เริ่มจากกรอบเวลาใหญ่ก่อนลงมาดูรายละเอียดในกรอบเล็ก
-
ติดตามปัจจัยพื้นฐาน
ให้ความสำคัญกับข่าวและปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อตลาด แต่ระวังอย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์เมื่อเจอข่าวกระทบตลาด
-
ทดสอบกลยุทธ์ในบัญชีเดโม
ก่อนใช้กลยุทธ์ใหม่ในบัญชีจริง ให้ทดสอบในบัญชีเดโมก่อน บันทึกผลและปรับปรุงจนมั่นใจว่าได้ผลดี
-
ปรับขนาดการเทรด
เมื่อตลาดผันผวนมาก ให้ลดขนาดการเทรดลง เพิ่มขนาดขึ้นเมื่อตลาดมีทิศทางชัดเจน
-
กำหนดจุดหยุดที่ยืดหยุ่น
ปรับจุดตัดขาดทุนและทำกำไรตามความผันผวนของตลาด ตลาดที่ผันผวนมากอาจต้องให้พื้นที่ราคามากขึ้น
ขั้นตอนการสร้างความสำเร็จในระยะยาว
ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน ต้องอาศัยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีขั้นตอนที่ชัดเจน
นี่คือขั้นตอนสำคัญในการสร้างความสำเร็จระยะยาว:
-
สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
เริ่มจากการศึกษาความรู้พื้นฐานให้แน่น เข้าใจทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน ฝึกฝนในบัญชีเดโมจนมั่นใจ
-
พัฒนาระบบการเทรด
สร้างระบบการเทรดที่เหมาะกับตัวเอง กำหนดกฎการเข้า-ออก การจัดการความเสี่ยง และการจดบันทึก ทดสอบและปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง
-
เริ่มเทรดด้วยเงินจริงทีละน้อย
เมื่อมั่นใจในระบบแล้ว เริ่มเทรดด้วยเงินจริงในจำนวนน้อย เพิ่มขนาดทีละน้อยตามผลงานที่พิสูจน์แล้ว
-
ประเมินและปรับปรุงสม่ำเสมอ
ทบทวนผลการเทรดทุกสัปดาห์และเดือน วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะกับสภาพตลาด
-
วางแผนพัฒนาระยะยาว
กำหนดเป้าหมายการพัฒนาทั้งระยะสั้นและยาว วางแผนการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะใหม่ ติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
สรุป: ประสบความสำเร็จในการเทรดด้วยพฤติกรรมที่ถูกต้อง
ในครั้งนี้ เราได้พูดถึงผู้ที่ต้องการพัฒนาพฤติกรรมการเทรดให้ประสบความสำเร็จ โดยกล่าวถึง
- ผลกระทบของอารมณ์และความกลัวที่ทำให้เทรดเดอร์ขาดทุน
- พฤติกรรมสำคัญที่ช่วยควบคุมการเทรดให้มีประสิทธิภาพ
- วิธีสร้างนิสัยการเทรดที่ดีอย่างยั่งยืน
โดยผู้เขียนได้แบ่งปันประสบการณ์จากการเป็นเทรดเดอร์และที่ปรึกษาด้านการเทรดมากว่า 10 ปี
จากสถิติพบว่า เทรดเดอร์ที่ขาดทุนมีสาเหตุมาจากการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ไม่ใช่เพราะขาดความรู้หรือเทคนิคการวิเคราะห์
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเทรดอาจดูยาก แต่หากเริ่มต้นจากการจดบันทึก ควบคุมอารมณ์ และสร้างระบบที่เหมาะกับตัวเอง โอกาสประสบความสำเร็จจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
การที่คุณอ่านบทความนี้จบแสดงให้เห็นว่า คุณให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองและต้องการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพอย่างแท้จริง
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเทรดเป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องใช้ความอดทน เพราะตลาดมักมีความผันผวนที่ทำให้เราควบคุมอารมณ์ได้ยาก
ขอให้เริ่มต้นจากการบันทึกพฤติกรรมการเทรดของตัวเองวันนี้ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปทีละขั้น ไม่ช้าก็เร็ว คุณจะกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ความคิดเห็น