ประกาศ: ขณะนี้ XM กำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษอยู่

ปัญหาการเทรด? เปิดเผยความจริงและวิธีแก้ปัญหา

ปัญหาการเทรด? เปิดเผยความจริงและวิธีแก้ปัญหา

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเทรดและกำลังประสบปัญหาขาดทุน
“พยายามศึกษาและทำตามคำแนะนำในยูทูบมากมาย แต่ทำไมยิ่งเทรดยิ่งขาดทุน…”
“ไม่รู้จะแก้ปัญหาการขาดทุนยังไง กลัวว่าเงินเก็บจะหมด…”

ความจริงแล้ว การขาดทุนจากการเทรดไม่ได้เกิดจากการขาดความรู้หรือเทคนิค แต่มักเกิดจากการควบคุมอารมณ์ไม่ได้และขาดระบบบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม จากข้อมูลพบว่า นักลงทุนรายย่อยประสบปัญหาขาดทุนในปีแรก

แต่อย่าเพิ่งท้อใจ เพราะปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้าใจหลักการที่ถูกต้องและมีระบบที่เหมาะกับตัวเอง

ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการขาดทุนจากการเทรด

  1. สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ขาดทุน
  2. หลักการสำคัญในการแก้ปัญหาการขาดทุน
  3. วิธีสร้างระบบเทรดที่เหมาะกับตัวเอง

โดยผู้เขียนจะแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรด Forex กว่า 10 ปี

จากการได้พูดคุยกับนักลงทุนมือใหม่หลายคน ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการขาดทุนสร้างความท้อแท้และความกังวลมากแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ถ้ามีแนวทางที่ถูกต้อง ลองมาดูวิธีการแก้ปัญหาการเทรดที่ได้ผลจริงกันค่ะ

\แนะนำบัญชีที่ผู้เขียนที่นี่/
เปิดบัญชี XM รับโบนัส ฟรี
สารบัญ

สาเหตุที่นักลงทุนมือใหม่ขาดทุนจากการเทรด

บทที่ 1
สาเหตุที่นักลงทุนมือใหม่ขาดทุนจากการเทรด

การขาดทุนจากการเทรดเป็นประสบการณ์ที่นักลงทุนมือใหม่ส่วนใหญ่ต้องเผชิญ แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ

จากสถิติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า นักลงทุนรายย่อยประสบปัญหาขาดทุนในปีแรกของการเทรด โดยสาเหตุหลักไม่ได้มาจากการขาดความรู้ แต่เป็นเพราะการตัดสินใจด้วยอารมณ์และการขาดระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี

ในส่วนนี้ เราจะวิเคราะห์สาเหตุสำคัญ 3 ประการที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ขาดทุนจากการเทรด

การตัดสินใจด้วยอารมณ์เป็นสาเหตุหลักของการขาดทุน

“คนส่วนใหญ่มักใช้อารมณ์นำการลงทุน โดยเฉพาะความโลภและความกลัว”

การตัดสินใจด้วยอารมณ์เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ขาดทุน มักเกิดจากการไม่สามารถควบคุมความโลภเมื่อราคาขึ้น หรือความกลัวเมื่อราคาลง

  1. ความโลภทำให้ลงทุนเกินพอดี

    เมื่อได้กำไรในช่วงแรก นักลงทุนมือใหม่มักเพิ่มขนาดการลงทุนมากเกินไป เพราะความเชื่อมั่นที่มากขึ้น ทำให้ขาดทุนหนักเมื่อตลาดผันผวน

  2. ความกลัวทำให้ตัดสินใจผิดพลาด

    เมื่อราคาลง นักลงทุนมักตัดสินใจขายทิ้งด้วยความตื่นตระหนก แม้ว่าการวิเคราะห์จะบอกว่าควรถือต่อ ทำให้พลาดโอกาสเมื่อราคากลับตัวขึ้น

  3. อารมณ์แค้นทำให้เทรดถี่เกินไป

    เมื่อขาดทุน นักลงทุนมักพยายามเอาคืนให้เร็วที่สุด ทำให้เทรดถี่ขึ้นและเสี่ยงมากขึ้น จนนำไปสู่การขาดทุนที่เพิ่มขึ้น

การขาดระบบบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม

“การไม่มีแผนบริหารความเสี่ยงเหมือนการเดินเรือโดยไม่มีเข็มทิศ”

การขาดระบบบริหารความเสี่ยงที่ดีเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ขาดทุน โดยเฉพาะการไม่กำหนดจุดตัดขาดทุนและการไม่กระจายความเสี่ยง

  1. ไม่กำหนดจุดตัดขาดทุน

    นักลงทุนมือใหม่มักไม่ยอมตัดขาดทุนเมื่อราคาลง หวังว่าราคาจะกลับขึ้นมา ทำให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการวิจัยพบว่า การไม่มีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนเป็นสาเหตุของการขาดทุนมากกว่า 50% ในนักลงทุนมือใหม่

  2. ลงทุนแบบกระจุกตัว

    การลงทุนในสินทรัพย์เดียวหรือกลุ่มเดียวทำให้มีความเสี่ยงสูง เมื่อเกิดปัญหากับสินทรัพย์นั้น ผลขาดทุนจะรุนแรงมาก

  3. ไม่มีแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

    นักลงทุนมือใหม่มักไม่เตรียมแผนสำรองเมื่อตลาดผันผวนรุนแรง ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดในภาวะวิกฤต

เลเวอเรจและการใช้เงินลงทุนเกินพอดี

“การใช้เลเวอเรจเหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ไม่เป็นจะทำร้ายตัวเอง”

เลเวอเรจและการใช้เงินลงทุนเกินพอดีเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ขาดทุนอย่างหนัก จากสถิติพบว่า นักลงทุนที่ขาดทุนจนเลิกเทรดมีสาเหตุมาจากการใช้เลเวอเรจไม่เหมาะสม

  1. ใช้เลเวอเรจสูงเกินไป

    นักลงทุนมือใหม่มักใช้เลเวอเรจสูงเพื่อเพิ่มกำไร แต่เมื่อตลาดเคลื่อนไหวตรงข้ามเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ขาดทุนจนหมดพอร์ต

  2. ลงทุนเกินเงินออม

    การใช้เงินก้อนใหญ่เกินไปหรือการกู้ยืมมาลงทุนทำให้เกิดความกดดันสูง ส่งผลให้ตัดสินใจผิดพลาดเมื่อเผชิญกับภาวะขาดทุน

  3. ไม่สำรองเงินฉุกเฉิน

    การนำเงินออมทั้งหมดมาลงทุนโดยไม่เหลือเงินสำรองทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง และอาจต้องขายขาดทุนเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงิน

3 หลักการสำคัญในการแก้ปัญหาการขาดทุน

บทที่ 2
3 หลักการสำคัญในการแก้ปัญหาการขาดทุน

การขาดทุนจากการเทรดเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ด้วยหลักการที่ถูกต้องและการปฏิบัติอย่างมีวินัย

จากการศึกษาพบว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ล้วนยึดมั่นใน 3 หลักการพื้นฐาน ได้แก่ การวางแผนที่ชัดเจน การจัดการความเสี่ยงที่เป็นระบบ และการควบคุมอารมณ์

ต่อไปนี้ เราจะอธิบายถึงวิธีการประยุกต์ใช้หลักการทั้ง 3 ข้อนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยให้คุณสามารถแก้ปัญหาการขาดทุนได้อย่างยั่งยืน

การวางแผนและกำหนดกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน

การเทรดโดยไร้แผนที่ชัดเจนเปรียบเสมือนการเดินทางโดยไม่มีแผนที่ การวางแผนที่ดีจะช่วยลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์และเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ

“คุณอาจรู้สึกว่าได้ศึกษาข้อมูลมามากแล้ว แต่ยังขาดทุนบ่อย” นี่เป็นเพราะการขาดแผนการเทรดที่เป็นระบบ

แผนการเทรดที่ดีควรประกอบด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้:

  1. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้

    ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่เป็นไปได้จริง เช่น 1-2% ต่อเดือน แทนการตั้งเป้าหมายที่สูงเกินจริงอย่าง 100% ต่อเดือน การตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผลจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเทรดที่มากเกินไป

  2. เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับตารางเวลาของคุณ

    หากมีเวลาจำกัด ควรเลือกการเทรดรายวันหรือรายสัปดาห์ แทนการเทรดระยะสั้น ซึ่งต้องติดตามตลาดตลอดเวลา สำคัญที่สุดคือต้องเลือกกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

  3. สร้างระบบการเข้าและออกที่ชัดเจน

    กำหนดจุดเข้าและออกโดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เข้าใจง่าย เช่น แนวรับแนวต้าน หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ อย่าเปลี่ยนระบบบ่อยเกินไป ให้เวลากับระบบในการพิสูจน์ตัวเอง

  4. จดบันทึกการเทรดอย่างละเอียด

    บันทึกทุกการเทรด ทั้งที่กำไรและขาดทุน พร้อมเหตุผลในการตัดสินใจ อารมณ์ขณะเทรด และบทเรียนที่ได้รับ การทบทวนบันทึกจะช่วยให้เห็นข้อผิดพลาดและโอกาสในการพัฒนา

การจัดการความเสี่ยงด้วย Stop Loss และ Take Profit

การจัดการความเสี่ยงที่ดีคือหัวใจของการเทรดที่ยั่งยืน จากการศึกษาพบว่า เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใช้เวลา 80% ในการวางแผนจัดการความเสี่ยง

“การขาดทุนครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียวอาจทำลายกำไรที่สะสมมาหลายเดือน” นี่คือเหตุผลที่การใช้ Stop Loss และ Take Profit อย่างเป็นระบบมีความสำคัญ

หลักการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ:

  1. กำหนด Stop Loss ทุกครั้งก่อนเข้าเทรด

    วางจุด Stop Loss ที่ระดับขาดทุนไม่เกิน 2% ของพอร์ตการลงทุน และต้องวางคำสั่งทันทีที่เข้าเทรด อย่าเลื่อน Stop Loss เพื่อให้ขาดทุนมากขึ้น เพราะนี่คือสาเหตุหลักของการขาดทุนครั้งใหญ่

  2. ตั้ง Take Profit ที่สมเหตุสมผล

    กำหนดเป้าหมายกำไรที่เป็นไปได้จริง โดยพิจารณาจากแนวต้านที่สำคัญหรืออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่อย่างน้อย 1:2 หมายถึงถ้ายอมรับความเสี่ยงขาดทุน 1% ต้องตั้งเป้ากำไรอย่างน้อย 2%

  3. จำกัดการเสี่ยงรายวัน

    กำหนดขีดจำกัดการขาดทุนต่อวันไว้ที่ 5% ของพอร์ต เมื่อถึงขีดจำกัดให้หยุดเทรดทันที เพื่อป้องกันการตัดสินใจด้วยอารมณ์ที่จะนำไปสู่การขาดทุนที่มากขึ้น

การควบคุมจิตวิทยาและอารมณ์ระหว่างเทรด

อารมณ์เป็นศัตรูตัวสำคัญของเทรดเดอร์ การศึกษาพบว่า การขาดทุนมีสาเหตุมาจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์

“คุณอาจเคยรู้สึกอยากแก้มือเมื่อขาดทุน หรือเทรดเกินขนาดเมื่อกำไร” นี่คือตัวอย่างของการตัดสินใจด้วยอารมณ์ที่มักนำไปสู่การขาดทุนที่มากขึ้น

วิธีควบคุมอารมณ์ระหว่างการเทรด:

  1. สร้างกรอบความคิดที่ถูกต้อง

    มองการเทรดเป็นธุรกิจ ไม่ใช่การพนัน เข้าใจว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ไม่มีใครชนะ 100% แต่สำคัญที่การจำกัดการขาดทุนและปล่อยให้กำไรวิ่งต่อ

  2. พักการเทรดเมื่อมีอารมณ์รุนแรง

    เมื่อรู้สึกโกรธ กลัว หรือโลภมากเกินไป ให้หยุดเทรดทันที พักสมองและร่างกายให้กลับสู่ภาวะปกติก่อนกลับมาเทรดใหม่ การเทรดด้วยอารมณ์มักนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด

  3. ทำสมาธิก่อนเริ่มเทรด

    ใช้เวลา 5-10 นาทีในการทำสมาธิหรือหายใจลึกๆ ก่อนเริ่มเทรด เพื่อให้จิตใจสงบและมีสติในการตัดสินใจ การมีจิตใจที่สงบจะช่วยให้วิเคราะห์ตลาดได้แม่นยำขึ้น

ระบบเทรดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนแต่ละประเภท

บทที่ 3
ระบบเทรดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนแต่ละประเภท

การสร้างระบบเทรดที่เหมาะกับตัวเองเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุน

จากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่านักลงทุนส่วนใหญ่มักล้มเหลวเพราะพยายามเลียนแบบระบบของคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์และข้อจำกัดของตนเอง

ในส่วนนี้ เราจะแนะนำวิธีการสร้างและปรับแต่งระบบเทรดให้เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตและเป้าหมายการลงทุนของคุณ

การวิเคราะห์แนวโน้มตลาดสำหรับผู้มีเวลาจำกัด

“จะทำอย่างไรเมื่อต้องเทรดไปพร้อมกับการทำงานประจำ” นี่คือคำถามที่นักลงทุนหลายคนกังวล

ความจริงแล้ว การมีเวลาจำกัดอาจเป็นข้อดีที่ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเทรดถี่เกินไปซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการขาดทุน

สำหรับผู้มีเวลาจำกัด ผู้เขียนขอแนะนำระบบการเทรดตามแนวโน้มหลัก ด้วยวิธีการดังนี้:

  1. วิเคราะห์กราฟรายสัปดาห์แทนรายวัน

    การดูกราฟรายสัปดาห์จะช่วยให้เห็นแนวโน้มหลักได้ชัดเจนกว่า และใช้เวลาวิเคราะห์น้อยกว่า เน้นการหาจุดกลับตัวของเทรนด์หลักแทนการเทรดระยะสั้น

  2. ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เรียบง่าย

    แนะนำให้ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 และ 50 สัปดาห์ ร่วมกับเส้นแนวโน้มและแนวรับแนวต้านหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์ซับซ้อน

  3. ตั้งการแจ้งเตือนราคาอัตโนมัติ

    ใช้แอปพลิเคชันที่สามารถตั้งการแจ้งเตือนเมื่อราคาถึงจุดสำคัญ ช่วยให้ไม่ต้องจ้องหน้าจอตลอดเวลา

  4. วางแผนเทรดล่วงหน้าในวันหยุด

    ใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์วิเคราะห์ตลาดและวางแผนการเทรดสำหรับสัปดาห์ถัดไป กำหนดจุดเข้า-ออก และขนาดการลงทุนไว้ล่วงหน้า

การทดสอบกลยุทธ์ด้วยบัญชีทดลอง

การทดสอบกลยุทธ์เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากก่อนใช้เงินจริง แต่หลายคนมักข้ามขั้นตอนนี้เพราะอยากรีบเห็นผลกำไร

ผู้เขียนขอแนะนำวิธีการทดสอบกลยุทธ์อย่างเป็นระบบดังนี้:

  1. เริ่มจากการทดสอบย้อนหลัง

    นำกลยุทธ์ที่คิดไว้มาทดสอบกับข้อมูลราคาย้อนหลัง บันทึกผลการเทรดทุกครั้งในสเปรดชีต พร้อมเหตุผลการเข้า-ออก

  2. ทดสอบในบัญชีทดลองอย่างน้อย 3 เดือน

    ใช้บัญชีทดลองเทรดเสมือนจริง ตั้งเป้าหมายกำไรและจำกัดการขาดทุนเหมือนใช้เงินจริง บันทึกผลและอารมณ์ระหว่างเทรดอย่างละเอียด

  3. วิเคราะห์ผลการทดสอบอย่างละเอียด

    ประเมินอัตราการชนะ ขนาดกำไร-ขาดทุนเฉลี่ย และช่วงเวลาที่กลยุทธ์ทำงานได้ดี ปรับปรุงกลยุทธ์จากข้อมูลที่ได้

การปรับแผนการลงทุนตามสถานการณ์และข้อมูลเศรษฐกิจ

ตลาดการเงินไม่หยุดนิ่ง การยึดติดกับกลยุทธ์เดิมโดยไม่ปรับเปลี่ยนอาจนำไปสู่การขาดทุน

ต่อไปนี้คือแนวทางการปรับแผนการลงทุนให้ทันต่อสถานการณ์:

  1. ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ

    สร้างนิสัยตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ ระบุช่วงเวลาที่มีการประกาศข้อมูลสำคัญ และหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงนั้นหากไม่มั่นใจ

  2. ปรับขนาดการลงทุนตามความผันผวน

    ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง ให้ลดขนาดการลงทุนลง 30-50% จากปกติ เพิ่มขนาดการลงทุนกลับเมื่อตลาดกลับมามีเสถียรภาพ

  3. มีแผนสำรองรับมือเหตุการณ์ไม่คาดคิด

    เตรียมแผนรับมือกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การหยุดทำการของตลาด หรือความผิดปกติของระบบซื้อขาย กำหนดจุดตัดขาดทุนฉุกเฉินไว้เสมอ

เมื่อเข้าใจวิธีการปรับแผนการลงทุนแล้ว มาดูตัวอย่างการนำไปใช้จริง:

  1. การปรับกลยุทธ์ตามช่วงเวลา

    แบ่งช่วงเวลาการเทรดเป็น 3 ช่วง: ก่อนตลาดเปิด ระหว่างวัน และหลังตลาดปิด แต่ละช่วงควรมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน เช่น ช่วงเช้าเน้นการวิเคราะห์ข่าวและวางแผน ช่วงกลางวันเน้นการติดตามสัญญาณเข้า-ออก

  2. การประเมินผลและปรับแผนรายเดือน

    ทำการประเมินผลการเทรดเป็นประจำทุกเดือน วิเคราะห์ว่ากลยุทธ์ใดทำกำไรได้ดี กลยุทธ์ใดควรปรับปรุง ปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนตามผลการวิเคราะห์

  3. การจัดการพอร์ตในภาวะวิกฤต

    กำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับการลดความเสี่ยงในภาวะวิกฤต เช่น เมื่อดัชนีความผันผวนเกิน 30 ให้ลดขนาดการลงทุนลงครึ่งหนึ่ง หรือเมื่อพอร์ตขาดทุนเกิน 10% ให้หยุดเทรดชั่วคราวและทบทวนกลยุทธ์

  4. การใช้ข้อมูลพื้นฐานประกอบการตัดสินใจ

    ไม่ควรพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว ให้ติดตามปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ทิศทางอัตราดอกเบี้ย นโยบายการเงิน และสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยยืนยันสัญญาณทางเทคนิค

  5. การสร้างระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ

    ใช้เทคโนโลยีช่วยในการติดตามตลาด ตั้งการแจ้งเตือนสำหรับเหตุการณ์สำคัญ เช่น ราคาทะลุแนวรับแนวต้าน การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ หรือความผิดปกติของปริมาณการซื้อขาย

การปรับแผนการลงทุนไม่ใช่การเปลี่ยนกลยุทธ์ไปมาตามอารมณ์ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนอย่างมีระบบบนพื้นฐานของข้อมูลและการวิเคราะห์ที่รอบคอบ การมีแผนที่ยืดหยุ่นและพร้อมปรับเปลี่ยนจะช่วยให้คุณรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น

สรุป: การแก้ปัญหาการเทรดเริ่มต้นที่การเข้าใจตัวเองและมีระบบที่เหมาะสม

ในครั้งนี้ เราได้พูดถึงผู้ที่กำลังประสบปัญหาขาดทุนจากการเทรดและต้องการแก้ไขสถานการณ์ โดยได้กล่าวถึง

  1. สาเหตุที่นักลงทุนมือใหม่มักประสบปัญหาขาดทุน
  2. หลักการสำคัญในการแก้ไขปัญหาการขาดทุน
  3. วิธีการสร้างและปรับแต่งระบบเทรดให้เหมาะกับตัวเอง

โดยผู้เขียนได้แบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรด Forex มากกว่า 10 ปี

ความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีความรู้หรือเทคนิคมากมาย แต่อยู่ที่การมีระบบที่เหมาะกับตัวเองและการควบคุมอารมณ์ได้ดี จากข้อมูลพบว่า นักลงทุนรายย่อยประสบปัญหาขาดทุนในปีแรก โดยสาเหตุหลักมาจากการไม่มีแผนที่ชัดเจนและการตัดสินใจด้วยอารมณ์

การขาดทุนจากการเทรดไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นบทเรียนที่มีค่าที่จะช่วยให้ผู้ที่เทรดเข้าใจตัวเองมากขึ้น ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้หากมีระบบที่เหมาะสมและฝึกฝนอย่างมีวินัย

ผู้ที่กำลังเริ่มต้นเทรดอาจรู้สึกสับสนกับข้อมูลมากมายที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต และไม่รู้ว่าควรเชื่อใครดี นี่เป็นความรู้สึกที่เข้าใจได้ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะเรียนรู้การสร้างระบบของตัวเอง

สำหรับผู้ที่กำลังขาดทุนและรู้สึกท้อแท้ ขอให้เข้าใจว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่เคยผ่านความล้มเหลว

ลองเริ่มต้นใหม่ด้วยการทดสอบระบบในบัญชีทดลองก่อน และค่อย ๆ พัฒนาระบบที่เหมาะกับตัวเอง ผู้เขียนเชื่อว่าความสำเร็จในการเทรดเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน!

ถ้าคุณชอบ โปรดแชร์ด้วยนะ!

ความคิดเห็น

コメントする

สารบัญ