สำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนและพบเจอคำว่า Spread ในบทความการลงทุนบ่อยๆ
“เห็น Spread บ่อยมากในบทความการลงทุน แต่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรและมีผลต่อการลงทุนอย่างไร…”
“กังวลว่าถ้าไม่เข้าใจเรื่อง Spread จะทำให้ขาดทุนโดยไม่รู้ตัว…”
การทำความเข้าใจเรื่อง Spread เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนประเมินต้นทุนที่แท้จริงและวางแผนการลงทุนได้แม่นยำขึ้น ไม่ว่าจะลงทุนในตลาดไหน
เริ่มทำความเข้าใจ Spread ตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้การลงทุนในอนาคตมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับ
- ความหมายของ Spread ที่มีผลต่อต้นทุนการลงทุน
- การเปรียบเทียบ Spread ในตลาดการเงินต่างๆ
- กลยุทธ์การจัดการ Spread เพื่อเพิ่มผลกำไร
โดยผู้เขียนจะแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรดในตลาดการเงินมากกว่า 10 ปี
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าศัพท์ทางการเงินอาจทำให้รู้สึกสับสนและขาดความมั่นใจในการลงทุน แต่เมื่ออ่านบทความนี้จบ ท่านจะเข้าใจเรื่อง Spread อย่างทะลุปรุโปร่ง และสามารถนำไปใช้ในการลงทุนได้จริง โปรดอ่านต่อเพื่อทำความเข้าใจไปพร้อมกัน!
Spread คืออะไร? เข้าใจง่ายๆ ใน 3 นาที
Spread คืออะไร? เข้าใจง่ายๆ ใน 3 นาที
Spread หรือส่วนต่างราคาในการลงทุน เป็นต้นทุนแฝงที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทนการลงทุนของคุณ
การเข้าใจเรื่อง Spread เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกระดับ เพราะช่วยให้ประเมินต้นทุนที่แท้จริงและวางแผนการลงทุนได้แม่นยำขึ้น
ในส่วนนี้ เราจะอธิบายความหมายของ Spread และผลกระทบที่มีต่อการลงทุนของคุณอย่างละเอียด
ส่วนต่างราคาซื้อขาย (Bid-Ask) ที่มีผลต่อกำไรของคุณ
Spread คือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาเสนอขาย (Ask) ของสินทรัพย์การลงทุน
“มีหลายคนที่สงสัยว่าทำไมราคาซื้อและขายถึงไม่เท่ากัน”
เหตุผลที่มีส่วนต่างนี้เกิดจาก:
- ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ต้องการกำไรจากการทำหน้าที่จับคู่ผู้ซื้อและผู้ขาย
- ความเสี่ยงที่ผู้ดูแลสภาพคล่องต้องแบกรับในการถือครองสินทรัพย์
- ต้นทุนในการดำเนินการซื้อขาย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด:
-
ตลาดหุ้น
หากหุ้น A มีราคาเสนอซื้อที่ 10.00 บาท และราคาเสนอขายที่ 10.10 บาท Spread คือ 0.10 บาท หรือ 1% ของราคานี่คือต้นทุนแฝงที่คุณต้องจ่ายในการซื้อขายแต่ละครั้ง
-
ตลาด Forex
ในคู่เงิน EUR/USD หากราคาเสนอซื้ออยู่ที่ 1.0900 และราคาเสนอขายอยู่ที่ 1.0902 Spread จะเท่ากับ 0.0002 หรือ 2 pipsแม้จะดูเป็นตัวเลขที่น้อย แต่เมื่อเทรดในปริมาณมาก จะส่งผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
สรุปคือ Spread เป็นต้นทุนที่แฝงอยู่ในทุกธุรกรรมการลงทุนการเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้แม่นยำขึ้น
ทำไม Spread ถึงเป็นต้นทุนแฝงที่นักลงทุนมักมองข้าม
นักลงทุนหลายคนมักให้ความสำคัญกับค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เห็นได้ชัด แต่มองข้าม Spread ที่เป็นต้นทุนแฝง
“บางคนอาจคิดว่าส่วนต่างราคาเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะมีผลกระทบมาก”
ผลกระทบของ Spread ต่อการลงทุน:
-
ลดผลตอบแทนสุทธิ
หากคุณซื้อหุ้นที่มี Spread 1% คุณต้องทำกำไรอย่างน้อย 1% เพื่อคุ้มกับต้นทุนนี้ ก่อนที่จะเริ่มทำกำไรจริงยิ่งซื้อขายบ่อย ผลกระทบยิ่งสูงขึ้น
-
เพิ่มต้นทุนการเทรดระยะสั้น
สำหรับนักเทรดระยะสั้น Spread เป็นต้นทุนสำคัญที่ต้องคำนึงถึงการเทรดหลายครั้งในหนึ่งวันอาจทำให้ต้นทุน Spread สะสมจนส่งผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
-
กระทบต่อจังหวะการเข้าซื้อขาย
Spread ที่กว้างอาจทำให้คุณต้องรอราคาเคลื่อนไหวมากขึ้นก่อนจะทำกำไรได้ ส่งผลให้พลาดโอกาสการลงทุนที่ดี
วิธีจัดการกับผลกระทบของ Spread:
- เลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง Spread จะแคบกว่า
- เทรดในช่วงเวลาที่ตลาดมีความคึกคัก Spread มักจะแคบที่สุด
- คำนวณ Spread เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการลงทุนทุกครั้ง
- พิจารณาระยะเวลาการลงทุนให้สอดคล้องกับ Spread
- เปรียบเทียบ Spread ระหว่างโบรกเกอร์ก่อนเลือกใช้บริการ
การเข้าใจและตระหนักถึงผลกระทบของ Spread เป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการลงทุนเริ่มต้นจากการให้ความสำคัญกับ Spread เท่าๆ กับปัจจัยอื่นๆ ในการตัดสินใจลงทุน
เครื่องมือช่วยคำนวณผลกระทบของ Spread:
-
Spreadsheet สำหรับคำนวณต้นทุน
สร้างตารางคำนวณอย่างง่ายเพื่อติดตามผลกระทบของ Spread ในแต่ละธุรกรรมรวม Spread เข้ากับค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพื่อเห็นต้นทุนรวมที่แท้จริง
-
แอพพลิเคชันวิเคราะห์การเทรด
ใช้แอพพลิเคชันที่มีฟังก์ชันวิเคราะห์ต้นทุนการเทรดหลายแอพสามารถแสดงผลกระทบของ Spread ต่อผลตอบแทนการลงทุนของคุณได้
-
การจดบันทึกการเทรด
บันทึกข้อมูล Spread ในแต่ละธุรกรรมเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบในระยะยาวข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้าย การเข้าใจเรื่อง Spread อย่างถ่องแท้จะช่วยให้คุณ:
– ประเมินต้นทุนการลงทุนได้แม่นยำขึ้น
– วางแผนกลยุทธ์การซื้อขายได้เหมาะสม
– ตัดสินใจเลือกช่วงเวลาและตลาดในการลงทุนได้ดีขึ้น
– มีความมั่นใจในการบริหารพอร์ตการลงทุนมากขึ้น
เปรียบเทียบ Spread ในตลาดการเงินต่างๆ
เปรียบเทียบ Spread ในตลาดการเงินต่างๆ
แต่ละตลาดการเงินมี Spread ที่แตกต่างกัน การเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละตลาดจะช่วยให้วางแผนการลงทุนได้แม่นยำขึ้น
ความแตกต่างของ Spread ในแต่ละตลาดส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการลงทุน ยิ่งตลาดมีสภาพคล่องสูงและมีผู้เล่นมาก Spread ก็จะยิ่งแคบลง
ลองมาดูรายละเอียดของ Spread ในตลาดการเงินที่สำคัญแต่ละประเภทกัน
Spread ในตลาด Forex: เริ่มต้นที่ 1-3 Pips
ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน ทำให้ Spread ในตลาดนี้ค่อนข้างแคบ
โดยทั่วไป คู่เงินหลักจะมี Spread อยู่ที่ 1-3 pips เท่านั้น
-
EUR/USD: Spread แคบที่สุด
คู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก มี Spread เฉลี่ยเพียง 1 pip หรือประมาณ 0.0001 ดอลลาร์ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเพราะต้นทุนต่ำ
-
USD/JPY: Spread ปานกลาง
คู่เงินยอดนิยมในเอเชีย มี Spread เฉลี่ย 1-2 pips เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นเพราะมีความผันผวนพอสมควร
-
คู่เงินรอง: Spread กว้างขึ้น
คู่เงินที่ไม่ใช่คู่หลักจะมี Spread กว้างกว่า อาจถึง 5-10 pips ควรระวังเรื่องต้นทุนเมื่อเทรด
Spread ในตลาดหุ้น: SET50 vs หุ้นทั่วไป
ตลาดหุ้นไทยมี Spread ที่แตกต่างกันตามขนาดและสภาพคล่องของหุ้น โดยหุ้นขนาดใหญ่จะมี Spread แคบกว่าหุ้นขนาดเล็ก
-
หุ้น SET50: Spread แคบ 0.1-0.2%
หุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี SET50 มีสภาพคล่องสูง ทำให้ Spread แคบมาก เหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้นและระยะกลาง
-
หุ้นทั่วไปใน SET: Spread 0.5-1%
หุ้นขนาดกลางมี Spread กว้างขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้สำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว
-
หุ้นขนาดเล็ก: Spread 1-2% หรือมากกว่า
หุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำจะมี Spread กว้าง ควรระมัดระวังในการลงทุนและวางแผนถือระยะยาวเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุน
ความผันผวนของ Spread ในตลาดคริปโท
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูง และ Spread ก็ผันผวนตามไปด้วย โดยขึ้นอยู่กับเวลาและแพลตฟอร์มที่ใช้ซื้อขาย
-
Bitcoin: Spread 0.1-0.3%
Bitcoin มีสภาพคล่องสูงที่สุดในบรรดาคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้ Spread ค่อนข้างแคบและคงที่ แต่อาจกว้างขึ้นในช่วงที่ตลาดผันผวนมาก
-
Altcoin ขนาดใหญ่: Spread 0.5-1%
เหรียญคริปโทขนาดใหญ่อย่าง Ethereum หรือ BNB มี Spread กว้างกว่า Bitcoin เล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้
-
เหรียญขนาดเล็ก: Spread 1-5% หรือมากกว่า
เหรียญที่มีมูลค่าตลาดต่ำและสภาพคล่องน้อยจะมี Spread กว้างมาก ควรพิจารณาต้นทุนนี้อย่างรอบคอบก่อนลงทุน
-
ช่วงเวลาที่ส่งผลต่อ Spread
Spread ในตลาดคริปโทจะกว้างขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงประกาศข่าวสำคัญ หรือช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงนี้
-
ความแตกต่างระหว่างแพลตฟอร์ม
แต่ละแพลตฟอร์มมี Spread ไม่เท่ากัน โดยแพลตฟอร์มขนาดใหญ่มักมี Spread แคบกว่าเพราะมีสภาพคล่องสูง ควรเปรียบเทียบ Spread ระหว่างแพลตฟอร์มก่อนตัดสินใจเลือกใช้
-
กลยุทธ์จัดการ Spread
สำหรับการลงทุนในคริปโท ควรวางแผนการลงทุนโดยคำนึงถึง Spread ที่กว้างขึ้น เช่น ถือระยะยาวเพื่อลดผลกระทบของต้นทุน หรือเลือกเทรดเฉพาะเหรียญที่มีสภาพคล่องสูง
ผู้เริ่มต้นควรทำความเข้าใจว่า Spread ในตลาดคริปโทมีความผันผวนสูงกว่าตลาดการเงินอื่น จึงต้องวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและเลือกใช้แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ ควรติดตามสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะในช่วงที่ตลาดผันผวน Spread อาจกว้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุนได้
3 กลยุทธ์จัดการ Spread ให้ได้กำไรสูงสุด
3 กลยุทธ์จัดการ Spread ให้ได้กำไรสูงสุด
การจัดการ Spread อย่างมีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
ผู้เขียนพบว่านักลงทุนมือใหม่มักมองข้ามต้นทุนที่เกิดจาก Spread ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
ในส่วนนี้ เราจะอธิบายกลยุทธ์ที่จะช่วยให้การจัดการ Spread มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นวิธีที่นำไปปฏิบัติได้จริง
เลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread แคบ
การเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread แคบเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุดในการลดต้นทุนการลงทุน
“ฉันควรดูอะไรบ้างในการเปรียบเทียบ Spread ระหว่างโบรกเกอร์” เป็นคำถามที่พบบ่อยจากนักลงทุนมือใหม่
- เปรียบเทียบ Spread เฉลี่ยของสินทรัพย์ที่สนใจระหว่างโบรกเกอร์
- ตรวจสอบว่ามีค่าธรรมเนียมแฝงอื่นๆ หรือไม่
- พิจารณาช่วงเวลาที่ Spread กว้างขึ้นผิดปกติ
-
ดู Spread จริงในช่วงที่ตลาดผันผวน
บางโบรกเกอร์อาจเพิ่ม Spread ในช่วงที่ตลาดผันผวน ควรทดลองเปิดบัญชีทดลองและสังเกต Spread ในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือตลาดผันผวน
-
เปรียบเทียบต้นทุนรวม
นอกจาก Spread แล้ว ให้พิจารณาค่าคอมมิชชั่น ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน และค่าธรรมเนียมรายเดือน เพื่อคำนวณต้นทุนรวมที่แท้จริง
-
อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง
ควรศึกษารีวิวจากนักลงทุนที่ใช้งานจริง เพื่อดูว่า Spread ที่โฆษณาตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ และมีปัญหาในการทำธุรกรรมหรือไม่
เทรดในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง
การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเทรดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดต้นทุนจาก Spread
“ฉันเคยสังเกตว่าบางช่วงเวลา Spread กว้างมากผิดปกติ” เป็นประสบการณ์ที่หลายคนเคยพบ
- เทรดในช่วงที่ตลาดหลักเปิดทำการ
- หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีข่าวสำคัญ
- ระวังช่วงเปิด-ปิดตลาดที่ Spread มักกว้างกว่าปกติ
-
เวลาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละตลาด
ตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องสูงในช่วง 10.00-16.30 น ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงเมื่อตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทำการพร้อมกัน คือช่วง 19.00-24.00 น ตามเวลาไทย
-
สังเกตปฏิทินเศรษฐกิจ
ควรติดตามปฏิทินเศรษฐกิจและหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เพราะ Spread มักจะกว้างขึ้นมาก
-
ระวังช่วงวันหยุด
ในช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญ สภาพคล่องมักจะต่ำ ทำให้ Spread กว้างกว่าปกติ ควรลดขนาดการเทรดหรืองดเทรดในช่วงนี้
คำนวณต้นทุน Spread ก่อนเปิดออเดอร์
การคำนวณต้นทุน Spread ก่อนเปิดออเดอร์จะช่วยให้วางแผนการเทรดได้แม่นยำขึ้น
“ฉันไม่เคยคำนวณ Spread มาก่อน ทำให้กำไรที่ได้น้อยกว่าที่คาดไว้มาก” เป็นปัญหาที่พบบ่อยในนักลงทุนมือใหม่
- คำนวณต้นทุน Spread เป็นเงินบาท
- เทียบต้นทุน Spread กับกำไรที่คาดหวัง
- ปรับขนาดการเทรดให้เหมาะสมกับต้นทุน
-
สูตรคำนวณต้นทุน Spread อย่างง่าย
ต้นทุน Spread = Spread x ขนาดการเทรด เช่น หากเทรด EUR/USD 1 ล็อต (100,000 EUR) และ Spread = 2 pips ต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ 200-300 บาท
-
กำหนดเป้าหมายกำไรที่สมเหตุสมผล
เป้าหมายกำไรควรมากกว่าต้นทุน Spread อย่างน้อย 3 เท่า เพื่อให้คุ้มค่ากับความเสี่ยง เช่น หากต้นทุน Spread = 300 บาท ควรตั้งเป้ากำไรอย่างน้อย 900 บาท
-
ใช้เครื่องคำนวณออนไลน์
มีเครื่องมือคำนวณต้นทุน Spread ออนไลน์ที่ช่วยให้คำนวณได้ง่ายขึ้น แต่ควรเรียนรู้วิธีคำนวณด้วยตัวเองด้วยเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
สรุป: การเข้าใจ Spread คือกุญแจสำคัญสู่กำไรในการลงทุน
ในครั้งนี้ เราได้พูดถึงผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจเรื่อง Spread ในการลงทุนอย่างละเอียด โดยกล่าวถึง
- ความหมายและความสำคัญของ Spread ที่มีต่อผลตอบแทน
- การเปรียบเทียบ Spread ในตลาดการเงินประเภทต่างๆ
- กลยุทธ์การจัดการ Spread เพื่อเพิ่มผลกำไร
โดยผู้เขียนได้แบ่งปันประสบการณ์จากการเป็นเทรดเดอร์มากกว่า 10 ปี และการบริหารพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย
การเข้าใจเรื่อง Spread เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนประเมินต้นทุนที่แท้จริงและวางแผนการลงทุนได้แม่นยำขึ้น
ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนอาจรู้สึกกังวลเมื่อเจอศัพท์เทคนิคทางการเงิน แต่ความรู้เรื่อง Spread เป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้และนำไปใช้ได้จริง
การที่ท่านใช้เวลาศึกษาเรื่อง Spread อย่างละเอียดในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนาตัวเองเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพ
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นลงทุนอาจทำให้รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับศัพท์เทคนิคต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ หากมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและนำไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ลองนำความรู้เรื่อง Spread ไปใช้ในการลงทุนครั้งต่อไป และท่านจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน!
ความคิดเห็น