สำหรับผู้ที่อยากเรียนรู้การดูกราฟเทรดเพื่อสร้างรายได้เสริม
“อยากเริ่มต้นเทรด แต่กลัวว่าจะอ่านกราฟไม่เป็นแล้วขาดทุน…”
“ดูคลิปสอนเทรดมาเยอะแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะวิเคราะห์กราฟได้จริงหรือเปล่า…”
มีหลายคนที่ต้องการสร้างรายได้จากการเทรด แต่ยังขาดความมั่นใจในการอ่านกราฟเทคนิค อย่างไรก็ตาม การดูกราฟเทรดไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่เข้าใจหลักการพื้นฐานและฝึกฝนอย่างเป็นระบบ
จากข้อมูลของสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน พบว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคพื้นฐานเป็นหลัก และสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการดูกราฟเทรดสำหรับผู้เริ่มต้น
- เทคนิคการอ่านกราฟเทคนิคแบบเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
- วิธีวิเคราะห์แนวโน้มราคาและจุดเข้า-ออกที่เหมาะสม
- การจัดการความเสี่ยงและควบคุมจิตใจในการเทรด
โดยผู้เขียนจะแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรด Forex กว่า 10 ปี พร้อมเทคนิคที่ใช้งานได้จริง
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรดอาจทำให้รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ แต่ด้วยความรู้พื้นฐานที่ถูกต้องและระบบการเทรดที่เหมาะสม ผู้ที่เริ่มต้นสามารถพัฒนาเป็นเทรดเดอร์ที่มีกำไรสม่ำเสมอได้ โปรดใช้บทความนี้เป็นคู่มือในการเริ่มต้นเส้นทางการเทรดของคุณ
วิธีเริ่มต้นดูกราฟเทรดให้เข้าใจง่าย
วิธีเริ่มต้นดูกราฟเทรดให้เข้าใจง่าย
การเริ่มต้นเรียนรู้การอ่านกราฟเทรดไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญ
ผู้เริ่มต้นมักรู้สึกว่าการดูกราฟเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ความจริงแล้วการเรียนรู้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ต่อไปนี้เราจะเรียนรู้องค์ประกอบสำคัญ 3 อย่างที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นอ่านกราฟได้อย่างมั่นใจ
ทำความรู้จักแท่งเทียนและการอ่านค่า OHLC
แท่งเทียนเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดในการอ่านกราฟเทรด เพราะบอกข้อมูลราคาที่สำคัญทั้งหมดในช่วงเวลาหนึ่งๆ
แท่งเทียนแต่ละแท่งประกอบด้วยค่า OHLC ซึ่งย่อมาจาก:
- Open (ราคาเปิด) – ราคาแรกของช่วงเวลา
- High (ราคาสูงสุด) – จุดสูงสุดที่ราคาขึ้นไปถึง
- Low (ราคาต่ำสุด) – จุดต่ำสุดที่ราคาลงไปถึง
- Close (ราคาปิด) – ราคาสุดท้ายของช่วงเวลา
วิธีอ่านแท่งเทียนแบบง่ายๆ:
-
แท่งสีเขียว (ขึ้น)
เมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แสดงว่าผู้ซื้อมีกำลังมากกว่า มักเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มราคา
-
แท่งสีแดง (ลง)
เมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แสดงว่าผู้ขายมีกำลังมากกว่า มักเป็นสัญญาณลบต่อแนวโน้มราคา
-
ไส้เทียน (Shadow)
เส้นบนและล่างของแท่งเทียนแสดงช่วงราคาสูงสุด-ต่ำสุด ยิ่งไส้ยาวยิ่งแสดงถึงความผันผวนสูง
เรียนรู้การใช้เส้นค่าเฉลี่ย Moving Average เบื้องต้น
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ช่วยให้เห็นแนวโน้มราคาได้ชัดเจนขึ้น
การใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่นิยมสำหรับผู้เริ่มต้น:
-
MA 20 (ค่าเฉลี่ย 20 วัน)
ใช้ดูแนวโน้มระยะสั้น เหมาะสำหรับการเทรดรายวัน เมื่อราคาอยู่เหนือเส้นนี้มักบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้น
-
MA 50 (ค่าเฉลี่ย 50 วัน)
ใช้ดูแนวโน้มระยะกลาง ช่วยยืนยันทิศทางของตลาด การตัดกันของ MA 20 กับ MA 50 มักเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม
-
MA 200 (ค่าเฉลี่ย 200 วัน)
ใช้ดูแนวโน้มระยะยาว นักลงทุนสถาบันมักใช้เส้นนี้เป็นแนวรับแนวต้านสำคัญ
วิธีดูปริมาณการซื้อขาย Volume ประกอบการตัดสินใจ
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่ช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือของการเคลื่อนไหวของราคา
หลักการดู Volume พื้นฐาน:
-
Volume สูงขึ้นพร้อมราคา
เมื่อราคาขึ้นพร้อมกับ Volume ที่เพิ่มขึ้น แสดงว่ามีแรงซื้อจริง ทำให้แนวโน้มขาขึ้นมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
-
Volume ต่ำในช่วงราคาลง
หากราคาลงแต่ Volume ต่ำ อาจเป็นเพียงการพักตัวชั่วคราว ไม่ใช่การเปลี่ยนแนวโน้มที่แท้จริง
-
Volume ผิดปกติ
Volume ที่สูงผิดปกติมักบ่งชี้จุดเปลี่ยนสำคัญของราคา โดยเฉพาะเมื่อเกิดพร้อมแท่งเทียนขนาดใหญ่
3 วิธีวิเคราะห์แนวโน้มราคาในกราฟเทรด
3 วิธีวิเคราะห์แนวโน้มราคาในกราฟเทรด
การวิเคราะห์แนวโน้มราคาเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเทรด
จากสถิติของสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน พบว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จใช้การวิเคราะห์แนวโน้มเป็นหลักในการตัดสินใจ
เรามาเรียนรู้ 3 วิธีวิเคราะห์แนวโน้มราคาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีประสิทธิภาพ
การใช้แนวรับแนวต้านหาจุดเข้าซื้อขาย
แนวรับแนวต้านเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพในการหาจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม
“คุณอาจเคยเห็นราคาดีดตัวขึ้นหรือร่วงลงเมื่อถึงจุดราคาหนึ่งๆ บ่อยครั้ง” เหตุการณ์นี้เกิดจากแนวรับแนวต้านที่นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ตัดสินใจ
วิธีหาแนวรับแนวต้านที่มีประสิทธิภาพ:
-
หาจุดสูงสุดและต่ำสุดย้อนหลัง
ดูราคาย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน และทำเครื่องหมายจุดที่ราคาสูงสุดและต่ำสุดในแต่ละช่วงจุดที่ราคากลับตัวบ่อยๆ มักเป็นแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่ง
-
ใช้เส้นแนวโน้มช่วยยืนยัน
ลากเส้นเชื่อมจุดสูงสุดหรือต่ำสุดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันเส้นนี้จะช่วยบอกทิศทางของแนวรับแนวต้านที่เคลื่อนที่
-
ดูปริมาณการซื้อขายประกอบ
แนวรับแนวต้านที่มีปริมาณการซื้อขายสูงจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าให้สังเกตว่าเมื่อราคาถึงแนวรับแนวต้านแล้วมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นหรือไม่
การระบุแนวโน้มขาขึ้น-ขาลงจากกราฟ
“คุณอาจสงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าตลาดกำลังขึ้นหรือลง” มีวิธีสังเกตง่ายๆ ดังนี้:
- ขาขึ้น: จุดต่ำสุดและจุดสูงสุดใหม่สูงกว่าจุดเดิม
- ขาลง: จุดต่ำสุดและจุดสูงสุดใหม่ต่ำกว่าจุดเดิม
- แนวโน้มไซด์เวย์: ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแคบๆ ไม่มีทิศทางชัดเจน
เทคนิคการยืนยันแนวโน้ม:
-
ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
เส้น EMA 20 วันตัดขึ้นบน EMA 50 วัน มักบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นในทางกลับกัน หากตัดลงด้านล่างมักบ่งชี้แนวโน้มขาลง
-
สังเกตความแรงของแท่งเทียน
แท่งเทียนขาขึ้นที่ยาวและมีเงาล่างสั้นบ่งชี้แรงซื้อที่แข็งแกร่งในขณะที่แท่งเทียนขาลงที่ยาวและมีเงาบนสั้นบ่งชี้แรงขายที่รุนแรง
การวิเคราะห์สัญญาณเทรดจาก RSI
RSI (Relative Strength Index) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุจุดกลับตัวของราคา
“คุณอาจกังวลว่า RSI ดูยากและซับซ้อน” แต่ความจริงแล้วมีหลักการง่ายๆ ดังนี้:
-
การอ่านค่า RSI พื้นฐาน
RSI มีค่าตั้งแต่ 0-100ค่าเกิน 70 บ่งชี้ว่าราคาอาจสูงเกินไป (Overbought) และมีโอกาสปรับฐานค่าต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่าราคาอาจต่ำเกินไป (Oversold) และมีโอกาสฟื้นตัว
-
การหาสัญญาณ Divergence
เมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ทำจุดสูงสุดต่ำกว่าจุดก่อนหน้า เรียกว่า Bearish Divergence บ่งชี้โอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงในทางกลับกัน หากราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดสูงกว่าจุดก่อนหน้า เรียกว่า Bullish Divergence บ่งชี้โอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้น
-
การปรับการตั้งค่า RSI
ค่า RSI มาตรฐานคือ 14 วันสำหรับการเทรดระยะสั้น อาจปรับลดเป็น 5-9 วันเพื่อให้ได้สัญญาณที่ไวขึ้นสำหรับการเทรดระยะกลาง-ยาว อาจเพิ่มเป็น 21-25 วันเพื่อลดสัญญาณหลอก
-
การใช้ RSI ร่วมกับแนวรับแนวต้าน
RSI มักให้สัญญาณที่แม่นยำมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับแนวรับแนวต้านหากราคาแตะแนวต้านพร้อมกับที่ RSI เข้าสู่โซน Overbought มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับฐานในทำนองเดียวกัน หากราคาแตะแนวรับพร้อมกับที่ RSI เข้าสู่โซน Oversold มีโอกาสสูงที่ราคาจะฟื้นตัว
-
การใช้ RSI ในช่วงตลาดผันผวน
ในช่วงตลาดผันผวนสูง ควรระมัดระวังการใช้ RSI เพียงอย่างเดียวควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นเช่น Bollinger Bands หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณนอกจากนี้ อาจพิจารณาขยายโซน Overbought/Oversold เป็น 80/20 แทน 70/30 เพื่อลดสัญญาณหลอก
การจัดการความเสี่ยง:
-
การตั้ง Stop Loss
เมื่อได้สัญญาณซื้อขายจาก RSI แล้ว ควรตั้ง Stop Loss ที่ระดับราคาต่ำกว่าแนวรับสำหรับสถานะซื้อ หรือสูงกว่าแนวต้านสำหรับสถานะขายโดยปกติแนะนำให้ยอมรับความเสี่ยงไม่เกิน 2-3% ของเงินลงทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
-
การทยอยเข้าและออก
ในการเทรดจริง ไม่จำเป็นต้องเข้าหรือออกทั้งหมดในครั้งเดียวคุณสามารถทยอยเข้าซื้อเมื่อ RSI เริ่มฟื้นตัวจากโซน Oversold และทยอยขายเมื่อ RSI เริ่มอ่อนตัวจากโซน Overboughtวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรเฉลี่ย
เทคนิคการจัดการความเสี่ยงและจิตวิทยาการเทรด
เทคนิคการจัดการความเสี่ยงและจิตวิทยาการเทรด
แม้จะมีความรู้ในการอ่านกราฟที่ดีแล้ว แต่การเทรดให้ประสบความสำเร็จยังต้องอาศัยการจัดการความเสี่ยงและจิตวิทยาที่เหมาะสม
เรามาเรียนรู้วิธีจัดการความเสี่ยงและควบคุมจิตใจในการเทรดกันดังนี้
การเลือกกรอบเวลา Timeframe ที่เหมาะกับสไตล์การเทรด
การเลือกกรอบเวลาในการเทรดที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงและความกดดันทางจิตใจ
“กำไรดีๆ มักมาจากการรอจังหวะที่ใช่ในกรอบเวลาที่เหมาะกับเรา ไม่ใช่การเทรดถี่เกินไปจนเครียด” เป็นคำแนะนำจากนักเทรดมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี
จากการศึกษาพบว่า นักเทรดที่เลือกกรอบเวลาเหมาะสมกับตนเองมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าถึง 3 เท่า เนื่องจากสามารถควบคุมอารมณ์และจิตใจได้ดีกว่า
หลักการเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมมีดังนี้:
-
Day Trade (รายวัน)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดเต็มวัน สามารถทำกำไรระยะสั้นจากความผันผวนรายวัน แต่ต้องมีความรู้และประสบการณ์พอสมควร เนื่องจากมีความกดดันสูง
-
Swing Trade (3-5 วัน)
เหมาะกับผู้ที่มีงานประจำ สามารถวิเคราะห์และวางแผนการเทรดในช่วงเย็นหรือวันหยุด ความเสี่ยงและความกดดันน้อยกว่าเทรดรายวัน
-
Position Trade (2-4 สัปดาห์)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความถี่ในการเทรดและความเครียด สามารถทำกำไรจากแนวโน้มใหญ่ของตลาด แต่ต้องมีเงินทุนมากพอ
วิธีวางแผนการเทรดและจัดการพอร์ตอย่างเป็นระบบ
การวางแผนและจัดการพอร์ตที่ดีจะช่วยให้เทรดได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์
องค์ประกอบสำคัญของแผนการเทรดที่ดีมีดังนี้:
-
กำหนดเป้าหมายการเทรดที่ชัดเจน
ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่เป็นไปได้จริง เช่น 2-3% ต่อเดือน และกำหนดความเสี่ยงสูงสุดที่ยอมรับได้ เช่น ไม่เกิน 1% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง
-
สร้างระบบบริหารเงินทุน
ใช้กฎ Position Sizing โดยไม่ลงทุนเกิน 2% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง และกระจายความเสี่ยงโดยไม่ถือสถานะเปิดเกิน 4 สถานะพร้อมกัน
-
กำหนดจุด Stop Loss ชัดเจน
วาง Stop Loss ที่จุดที่ทำให้สมมติฐานการเทรดผิด ไม่ใช่ตามความรู้สึก และต้องเคารพจุด Stop Loss อย่างเคร่งครัด ไม่ย้ายจุดเพื่อประทังการขาดทุน
เทคนิคควบคุมอารมณ์เมื่อต้องตัดสินใจเทรด
การควบคุมอารมณ์เป็นทักษะสำคัญที่สุดในการเทรด จากการศึกษาของ Market Psychology Research Institute พบว่า การขาดทุนในการเทรดมีสาเหตุมาจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์
เทคนิคการควบคุมอารมณ์ที่ได้ผลมีดังนี้:
-
บันทึกและทบทวนการเทรด
จดบันทึกเหตุผลในการเข้าเทรด อารมณ์ และผลลัพธ์ทุกครั้ง ทบทวนบันทึกสัปดาห์ละครั้งเพื่อหาจุดอ่อนด้านอารมณ์ที่ต้องปรับปรุง
-
พักการเทรดเมื่อมีสัญญาณเตือน
หากรู้สึกกดดัน เครียด หรือกลัว ให้หยุดเทรดทันที พักสงบจิตใจก่อนกลับมาวิเคราะห์ตลาดใหม่ด้วยใจที่เป็นกลาง
-
แยกเงินลงทุนออกจากเงินใช้จ่าย
ใช้เฉพาะเงินที่พร้อมจะเสี่ยงในการเทรด ไม่ใช้เงินที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความกดดันทางจิตใจ
-
กำหนดกฎการเทรดที่ชัดเจน
สร้างกฎที่ชัดเจนว่าจะเทรดหรือไม่เทรดในสถานการณ์ใด และยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น ไม่เทรดในช่วงประกาศข่าวสำคัญ หรือไม่เพิ่มสถานะเมื่อขาดทุนเกิน 2%
-
ฝึกสมาธิและการหายใจ
ฝึกทำสมาธิวันละ 10-15 นาทีก่อนเริ่มเทรด และใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกกดดันระหว่างเทรด จะช่วยให้จิตใจสงบและตัดสินใจได้ดีขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมอารมณ์คือต้องยอมรับว่าตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวตามที่เราต้องการเสมอไป การยอมรับผลขาดทุนเล็กๆ และรอจังหวะที่เหมาะสมจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว
สรุป: จากมือใหม่หัดเทรดสู่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จด้วยการอ่านกราฟที่ถูกต้อง
ในครั้งนี้ เราได้พูดถึงผู้ที่ต้องการเรียนรู้การอ่านกราฟเทรดเพื่อสร้างรายได้เสริมและอิสรภาพทางการเงิน โดยกล่าวถึง
- วิธีเริ่มต้นดูกราฟเทรดสำหรับมือใหม่
- เทคนิควิเคราะห์แนวโน้มราคาในกราฟ
- การจัดการความเสี่ยงและจิตวิทยาการเทรด
โดยผู้เขียนได้แบ่งปันประสบการณ์จากการเทรด Forex กว่า 10 ปี พร้อมทั้งเทคนิคที่ใช้งานได้จริง
การเรียนรู้วิธีดูกราฟเทรดที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มต้นจากพื้นฐานที่เข้าใจง่ายและมีระบบจัดการความเสี่ยงที่ดี
หากผู้ที่กำลังเริ่มต้นเทรดรู้สึกกังวลเรื่องการขาดทุน ขอให้เริ่มจากการฝึกฝนดูกราฟด้วยบัญชีทดลอง และค่อยๆ พัฒนาทักษะไปทีละขั้น
แม้ว่าในช่วงแรกอาจรู้สึกสับสนกับการอ่านกราฟและอินดิเคเตอร์ต่างๆ แต่เมื่อเข้าใจหลักการพื้นฐาน ทุกอย่างจะง่ายขึ้น
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรดอาจทำให้รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ เพราะเคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาก่อน
ขอให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในการเทรดได้ หากมีความมุ่งมั่นและอดทนในการเรียนรู้ ผู้เขียนเชื่อว่าคุณจะสามารถพัฒนาเป็นเทรดเดอร์ที่มีกำไรสม่ำเสมอได้อย่างแน่นอน
ความคิดเห็น