สำหรับผู้ที่กำลังสนใจเทรดคริปโต แต่ยังขาดความมั่นใจ
“อยากเริ่มต้นเทรดคริปโต แต่กลัวว่าจะขาดทุนเพราะไม่มีระบบ…”
“ถ้าเริ่มตอนนี้จะสายไปไหม? แล้วจะเริ่มต้นยังไงดี…”
อย่างไรก็ตาม การเทรดคริปโตไม่ใช่เรื่องของโชคหรือการเสี่ยง แต่เป็นเรื่องของระบบและวินัย จากข้อมูล พบว่านักลงทุนที่มีระบบสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า
การเริ่มต้นด้วยความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้เริ่มต้นเทรดคริปโตต้องรู้
- พื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจตลาดคริปโต
- กลยุทธ์การเทรดที่สร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ
- วิธีจัดการความเสี่ยงแบบมืออาชีพ
โดยผู้เขียนจะแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรดมากกว่า 10 ปี พร้อมเทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรดคริปโตอาจทำให้รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ โปรดใช้บทความนี้เป็นคู่มือในการเริ่มต้นเทรดอย่างมีระบบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
พื้นฐานการเทรดคริปโตที่มือใหม่ต้องเข้าใจ
พื้นฐานการเทรดคริปโตที่มือใหม่ต้องเข้าใจ
การเทรดคริปโตเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องเรียนรู้และจัดการอย่างเป็นระบบ
ความผันผวนสูงของตลาดคริปโตสามารถสร้างทั้งโอกาสและความเสี่ยง การเริ่มต้นด้วยความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถจัดการความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน
มาทำความเข้าใจพื้นฐานสำคัญ 3 ประการที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นเทรดคริปโตได้อย่างมั่นใจ
ทำความรู้จักความผันผวนและสภาพคล่องในตลาดคริปโต
ตลาดคริปโตมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากตลาดการเงินทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องความผันผวนและสภาพคล่อง
-
ความผันผวนสูงกว่าตลาดทั่วไป
ราคาคริปโตสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากถึง 10-20% ในหนึ่งวัน ซึ่งสูงกว่าหุ้นที่มักผันผวนไม่เกิน 2-3% ต่อวันการเข้าใจความผันผวนนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดและจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
-
การเทรดตลอด 24 ชั่วโมง
ตลาดคริปโตเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูงสุดมักเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นหลักของโลกเปิดทำการ
เช่น 20:30-03:00 น ตามเวลาไทย -
ปริมาณการซื้อขายแตกต่างตามช่วงเวลา
สภาพคล่องมักสูงในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการการเทรดในช่วงที่มีสภาพคล่องสูงจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ผิดปกติ
เริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ DCA เพื่อลดความเสี่ยง
Dollar Cost Averaging (DCA) หรือการทยอยลงทุน เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคา
-
ทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
แทนที่จะลงทุนครั้งเดียวทั้งหมด ให้แบ่งเงินลงทุนเป็นส่วนๆ เช่น ลงทุนเดือนละ 5,000-10,000 บาทวิธีนี้จะช่วยเฉลี่ยต้นทุนและลดความเสี่ยงจากการจังหวะเวลาที่ผิดพลาด
-
กำหนดวันลงทุนที่แน่นอน
เลือกวันที่จะลงทุนในแต่ละเดือน เช่น ทุกวันที่ 1 หรือ 15 ของเดือนการมีระบบที่แน่นอนจะช่วยลดการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์
-
ปรับแผนตามสภาวะตลาด
อาจเพิ่มจำนวนเงินลงทุนเมื่อราคาลดลงมาก หรือลดจำนวนลงเมื่อราคาขึ้นสูงผิดปกติแต่ยังคงรักษาความสม่ำเสมอในการลงทุน
การอ่านกราฟและวิเคราะห์แนวโน้มตลาดเบื้องต้น
การอ่านกราฟราคาและวิเคราะห์แนวโน้มตลาดเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญสำหรับนักเทรดคริปโต
-
รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
แท่งเทียนแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลานั้นๆแท่งสีเขียวหมายถึงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งสีแดงหมายถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด
-
แนวรับและแนวต้าน
ระดับราคาที่มักมีแรงซื้อ (แนวรับ) หรือแรงขาย (แนวต้าน) เข้ามามากการสังเกตระดับเหล่านี้จะช่วยในการวางแผนจุดเข้าซื้อและขาย
-
ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคามักบ่งชี้ว่าแนวโน้มนั้นมีความน่าเชื่อถือปริมาณการซื้อขายต่ำอาจบ่งชี้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาไม่ยั่งยืน
3 กลยุทธ์การเทรดที่สร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ
3 กลยุทธ์การเทรดที่สร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ
การเทรดคริปโตให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีระบบและแนวทางที่ชัดเจน
จากข้อมูลสถิติพบว่า นักเทรดที่มีระบบและแผนการเทรดที่ชัดเจนมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่านักเทรดที่เทรดตามอารมณ์ถึง 3 เท่า
ผู้เขียนได้รวบรวม 3 กลยุทธ์การเทรดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ มาอธิบายในรายละเอียดดังต่อไปนี้
Swing Trading ทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคา
Swing Trading เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดไม่มาก แต่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากความผันผวนของตลาดคริปโต
วิธีการนี้เน้นการทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในช่วง 1-7 วัน โดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคพื้นฐานในการหาจุดเข้าซื้อและขาย
- หลักการทำกำไรจาก Swing Trading:
– เข้าซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวรับ (Support)
– ขายทำกำไรเมื่อราคาถึงแนวต้าน (Resistance)
– ใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยยืนยันสัญญาณ - เทคนิคการวิเคราะห์แนวโน้ม:
– ดูแนวโน้มราคาในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงและรายวัน
– ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) 20 และ 50 วัน
– สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume) ประกอบการตัดสินใจ - การจัดการความเสี่ยง:
– กำหนด Stop Loss ที่ 2-3% ของเงินลงทุน
– ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 6-9% ต่อการเทรด
– ไม่ควรใช้เงินลงทุนเกิน 20% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
Value Investing เลือกคริปโตที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
Value Investing ในตลาดคริปโตเน้นการลงทุนในโครงการที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการพัฒนาต่อเนื่อง และมีการใช้งานจริง
การลงทุนแนวนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว 1-3 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนระยะสั้น
-
วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ตรวจสอบทีมผู้พัฒนา ความก้าวหน้าของโครงการ และการนำไปใช้งานจริง ศึกษาแผนการพัฒนาในอนาคตและความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
-
ประเมินมูลค่าที่แท้จริง
วิเคราะห์อัตราการเติบโตของผู้ใช้งาน ปริมาณธุรกรรม และรายได้ของโครงการ เปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
-
สร้างพอร์ตการลงทุนที่สมดุล
กระจายการลงทุนในคริปโตหลายประเภท เช่น Layer 1, DeFi, GameFi เพื่อลดความเสี่ยง แนะนำให้ลงทุน 50-60% ในคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูง และ 40-50% ในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
Technical Trading ใช้ RSI และ Golden Cross วางแผนซื้อขาย
Technical Trading เป็นการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจังหวะเข้าซื้อและขายที่เหมาะสม วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดสม่ำเสมอและต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นถึงกลาง
-
การใช้ RSI (Relative Strength Index)
RSI เป็นตัวชี้วัดที่บอกว่าราคาอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
– ค่า RSI เกิน 70 บ่งชี้ภาวะซื้อมากเกินไป ควรเตรียมขาย
– ค่า RSI ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ภาวะขายมากเกินไป เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ -
การใช้ Golden Cross และ Death Cross
เป็นสัญญาณที่เกิดจากการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
– Golden Cross (ค่าเฉลี่ย 50 วันตัดขึ้นบนค่าเฉลี่ย 200 วัน) เป็นสัญญาณซื้อ
– Death Cross (ค่าเฉลี่ย 50 วันตัดลงใต้ค่าเฉลี่ย 200 วัน) เป็นสัญญาณขาย -
การยืนยันสัญญาณซื้อขาย
ใช้หลายเครื่องมือร่วมกันเพื่อยืนยันสัญญาณ
– ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย (Volume) ว่าสอดคล้องกับทิศทางราคา
– ดูแนวรับแนวต้านประกอบการตัดสินใจ
– สังเกตรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Pattern) เพื่อยืนยันจุดกลับตัว
ระบบจัดการความเสี่ยงที่นักเทรดมืออาชีพใช้
ระบบจัดการความเสี่ยงที่นักเทรดมืออาชีพใช้
การจัดการความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดคริปโตให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว
จากสถิติพบว่านักเทรดมือใหม่สูญเสียเงินลงทุนเพราะขาดระบบจัดการความเสี่ยงที่ดี แต่นักเทรดมืออาชีพสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอด้วยการใช้ระบบจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
ในส่วนนี้ ผู้เขียนจะแนะนำระบบจัดการความเสี่ยงที่นักเทรดมืออาชีพใช้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงและรักษาเงินทุนไว้ได้ในระยะยาว
การตั้ง Stop-Loss และ Take Profit อย่างเป็นระบบ
การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) อย่างเป็นระบบเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยควบคุมความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนของคุณ
“คงไม่มีใครอยากขาดทุนเกินที่รับได้หรือพลาดจุดทำกำไรที่ดี” แต่หากไม่มีการวางแผนล่วงหน้า อารมณ์มักจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
นักเทรดมืออาชีพจึงใช้ระบบต่อไปนี้ในการตั้ง Stop-Loss และ Take Profit:
-
กฎ 1% – 2% ในการตั้ง Stop-Loss
จำกัดความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง เช่น หากมีเงินทุน 100,000 บาท ควรยอมรับการขาดทุนได้ไม่เกิน 1,000-2,000 บาทต่อออเดอร์
-
อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 เป็นอย่างน้อย
หากตั้ง Stop-Loss ที่ 2% ควรตั้ง Take Profit ที่ 4% ขึ้นไป เพื่อให้มีโอกาสทำกำไรมากกว่าขาดทุนในระยะยาว
-
ใช้แนวรับแนวต้านทางเทคนิคในการกำหนดจุด
ตั้ง Stop-Loss ใต้แนวรับที่แข็งแกร่ง และ Take Profit ที่แนวต้านสำคัญ เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จของการเทรด
การปฏิบัติตามระบบนี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนก้อนใหญ่และเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะยาว
การจัดสรรเงินลงทุนและวางแผนพอร์ตโฟลิโอ
การจัดสรรเงินลงทุนที่เหมาะสมและการวางแผนพอร์ตโฟลิโอที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน
“การลงทุนทั้งหมดในคริปโตเหรียญเดียวอาจเสี่ยงเกินไป” การกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นี่คือหลักการจัดสรรเงินลงทุนที่นักเทรดมืออาชีพใช้:
-
กฎ 5-10-20
ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 5% ต่อการเทรด 1 ครั้ง ไม่เกิน 10% ต่อคริปโตหนึ่งเหรียญ และไม่เกิน 20% ในกลุ่มคริปโตประเภทเดียวกัน
-
จัดสรรตามระดับความเสี่ยง
แบ่งพอร์ตเป็น 60% ในคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูง (เช่น Bitcoin, Ethereum) 30% ในคริปโตมูลค่าตลาดกลาง และไม่เกิน 10% ในคริปโตที่มีความเสี่ยงสูง
-
ปรับสมดุลพอร์ตตามกำหนด
ทบทวนและปรับสมดุลพอร์ตทุก 1-3 เดือน เพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนที่วางแผนไว้
การจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้พอร์ตของคุณมีเสถียรภาพและทนต่อความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น
การใช้ข้อมูล Market Sentiment ประกอบการตัดสินใจ
Market Sentiment หรือความรู้สึกของตลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาคริปโต
“การรู้ว่าตลาดกำลังกลัวหรือโลภเกินไปช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น” นักเทรดมืออาชีพจึงใช้เครื่องมือวัด Market Sentiment ต่อไปนี้:
-
ดัชนี Fear & Greed
ติดตามดัชนี Fear & Greed Index ที่วัดความกลัวและความโลภในตลาด คะแนนต่ำกว่า 20 บ่งชี้ว่าตลาดกลัวมาก อาจเป็นจังหวะซื้อที่ดี ขณะที่คะแนนสูงกว่า 80 แสดงถึงความโลภมาก อาจเป็นสัญญาณให้ระวังการปรับฐาน
-
ข้อมูล Open Interest
วิเคราะห์ปริมาณ Open Interest ในตลาด Futures เพื่อดูแรงเก็งกำไร การเพิ่มขึ้นของ Open Interest พร้อมราคาที่สูงขึ้นแสดงถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
-
การวิเคราะห์ Social Media
ติดตามการพูดถึงคริปโตบน Social Media และวิเคราะห์ความรู้สึกของนักลงทุน เมื่อมีการพูดถึงมากผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของตลาด
การใช้ข้อมูล Market Sentiment ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานจะช่วยให้คุณประเมินจังหวะการเทรดได้แม่นยำขึ้น
สรุป: เคล็ดลับการเทรดคริปโตอย่างมีระบบที่คุณมองข้ามไม่ได้
ในครั้งนี้ เราได้พูดถึงผู้ที่สนใจเริ่มต้นเทรดคริปโตแต่ยังขาดความมั่นใจ โดยกล่าวถึง
- พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเทรดคริปโต
- กลยุทธ์ที่ช่วยสร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ
- การจัดการความเสี่ยงแบบมืออาชีพ
โดยผู้เขียนได้แบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรดมากกว่า 10 ปีและเทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง
การเทรดคริปโตให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของโชคหรือการเสี่ยง แต่เป็นเรื่องของระบบและวินัยในการเทรด จากข้อมูลของ CryptoCompare Analytics พบว่านักเทรดที่มีระบบสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นอย่างถูกวิธี ด้วยความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสม บทความนี้ได้รวบรวมกลยุทธ์ที่จะช่วยให้การเทรดของคุณมีระบบและประสบความสำเร็จ
ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรดคริปโตอาจทำให้รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ แต่เมื่อมีระบบและการจัดการความเสี่ยงที่ดี คุณจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
หลายคนอาจกำลังคิดว่า “จะเริ่มต้นเทรดตอนนี้สายเกินไปหรือไม่?” หรือ “จะเริ่มต้นอย่างไรดี?” ความจริงแล้วไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นเทรดอย่างมีระบบ
เริ่มต้นเรียนรู้และลงมือทำตามระบบที่แนะนำในบทความนี้ แล้วคุณจะค่อยๆ พัฒนาทักษะและความมั่นใจในการเทรดขึ้นเอง ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในการเทรดได้หากมีความมุ่งมั่นและวินัยที่ดีพอ
ความคิดเห็น