ประกาศ: ขณะนี้ XM กำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษอยู่

กลยุทธ์เทรดคริปโตเริ่มต้นอย่างไรให้มีกำไร

กลยุทธ์เทรดคริปโตเริ่มต้นอย่างไรให้มีกำไร

สำหรับผู้ที่กำลังสนใจเทรดคริปโต แต่ยังขาดความมั่นใจ
“อยากเริ่มต้นเทรดคริปโต แต่กลัวว่าจะขาดทุนเพราะไม่มีระบบ…”
“ถ้าเริ่มตอนนี้จะสายไปไหม? แล้วจะเริ่มต้นยังไงดี…”

อย่างไรก็ตาม การเทรดคริปโตไม่ใช่เรื่องของโชคหรือการเสี่ยง แต่เป็นเรื่องของระบบและวินัย จากข้อมูล พบว่านักลงทุนที่มีระบบสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า

การเริ่มต้นด้วยความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้เริ่มต้นเทรดคริปโตต้องรู้

  1. พื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจตลาดคริปโต
  2. กลยุทธ์การเทรดที่สร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ
  3. วิธีจัดการความเสี่ยงแบบมืออาชีพ

โดยผู้เขียนจะแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรดมากกว่า 10 ปี พร้อมเทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง

ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรดคริปโตอาจทำให้รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ โปรดใช้บทความนี้เป็นคู่มือในการเริ่มต้นเทรดอย่างมีระบบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว

\แนะนำบัญชีที่ผู้เขียนที่นี่/
เปิดบัญชี XM รับโบนัส ฟรี
สารบัญ

พื้นฐานการเทรดคริปโตที่มือใหม่ต้องเข้าใจ

บทที่ 1
พื้นฐานการเทรดคริปโตที่มือใหม่ต้องเข้าใจ

การเทรดคริปโตเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องเรียนรู้และจัดการอย่างเป็นระบบ

ความผันผวนสูงของตลาดคริปโตสามารถสร้างทั้งโอกาสและความเสี่ยง การเริ่มต้นด้วยความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถจัดการความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน

มาทำความเข้าใจพื้นฐานสำคัญ 3 ประการที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นเทรดคริปโตได้อย่างมั่นใจ

ทำความรู้จักความผันผวนและสภาพคล่องในตลาดคริปโต

ตลาดคริปโตมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากตลาดการเงินทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องความผันผวนและสภาพคล่อง

  1. ความผันผวนสูงกว่าตลาดทั่วไป

    ราคาคริปโตสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากถึง 10-20% ในหนึ่งวัน ซึ่งสูงกว่าหุ้นที่มักผันผวนไม่เกิน 2-3% ต่อวันการเข้าใจความผันผวนนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดและจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น

  2. การเทรดตลอด 24 ชั่วโมง

    ตลาดคริปโตเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูงสุดมักเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นหลักของโลกเปิดทำการ
    เช่น 20:30-03:00 น ตามเวลาไทย

  3. ปริมาณการซื้อขายแตกต่างตามช่วงเวลา

    สภาพคล่องมักสูงในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการการเทรดในช่วงที่มีสภาพคล่องสูงจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ผิดปกติ

เริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ DCA เพื่อลดความเสี่ยง

Dollar Cost Averaging (DCA) หรือการทยอยลงทุน เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคา

  1. ทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

    แทนที่จะลงทุนครั้งเดียวทั้งหมด ให้แบ่งเงินลงทุนเป็นส่วนๆ เช่น ลงทุนเดือนละ 5,000-10,000 บาทวิธีนี้จะช่วยเฉลี่ยต้นทุนและลดความเสี่ยงจากการจังหวะเวลาที่ผิดพลาด

  2. กำหนดวันลงทุนที่แน่นอน

    เลือกวันที่จะลงทุนในแต่ละเดือน เช่น ทุกวันที่ 1 หรือ 15 ของเดือนการมีระบบที่แน่นอนจะช่วยลดการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์

  3. ปรับแผนตามสภาวะตลาด

    อาจเพิ่มจำนวนเงินลงทุนเมื่อราคาลดลงมาก หรือลดจำนวนลงเมื่อราคาขึ้นสูงผิดปกติแต่ยังคงรักษาความสม่ำเสมอในการลงทุน

การอ่านกราฟและวิเคราะห์แนวโน้มตลาดเบื้องต้น

การอ่านกราฟราคาและวิเคราะห์แนวโน้มตลาดเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญสำหรับนักเทรดคริปโต

  1. รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)

    แท่งเทียนแสดงราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลานั้นๆแท่งสีเขียวหมายถึงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งสีแดงหมายถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด

  2. แนวรับและแนวต้าน

    ระดับราคาที่มักมีแรงซื้อ (แนวรับ) หรือแรงขาย (แนวต้าน) เข้ามามากการสังเกตระดับเหล่านี้จะช่วยในการวางแผนจุดเข้าซื้อและขาย

  3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

    ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของราคามักบ่งชี้ว่าแนวโน้มนั้นมีความน่าเชื่อถือปริมาณการซื้อขายต่ำอาจบ่งชี้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาไม่ยั่งยืน

3 กลยุทธ์การเทรดที่สร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ

บทที่ 2
3 กลยุทธ์การเทรดที่สร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ

การเทรดคริปโตให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีระบบและแนวทางที่ชัดเจน

จากข้อมูลสถิติพบว่า นักเทรดที่มีระบบและแผนการเทรดที่ชัดเจนมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่านักเทรดที่เทรดตามอารมณ์ถึง 3 เท่า

ผู้เขียนได้รวบรวม 3 กลยุทธ์การเทรดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ มาอธิบายในรายละเอียดดังต่อไปนี้

Swing Trading ทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคา

Swing Trading เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดไม่มาก แต่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากความผันผวนของตลาดคริปโต

วิธีการนี้เน้นการทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในช่วง 1-7 วัน โดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคพื้นฐานในการหาจุดเข้าซื้อและขาย

  1. หลักการทำกำไรจาก Swing Trading:
    – เข้าซื้อเมื่อราคาอยู่ในแนวรับ (Support)
    – ขายทำกำไรเมื่อราคาถึงแนวต้าน (Resistance)
    – ใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยยืนยันสัญญาณ
  2. เทคนิคการวิเคราะห์แนวโน้ม:
    – ดูแนวโน้มราคาในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงและรายวัน
    – ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) 20 และ 50 วัน
    – สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume) ประกอบการตัดสินใจ
  3. การจัดการความเสี่ยง:
    – กำหนด Stop Loss ที่ 2-3% ของเงินลงทุน
    – ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 6-9% ต่อการเทรด
    – ไม่ควรใช้เงินลงทุนเกิน 20% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

Value Investing เลือกคริปโตที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง

Value Investing ในตลาดคริปโตเน้นการลงทุนในโครงการที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการพัฒนาต่อเนื่อง และมีการใช้งานจริง

การลงทุนแนวนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว 1-3 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนระยะสั้น

  1. วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

    ตรวจสอบทีมผู้พัฒนา ความก้าวหน้าของโครงการ และการนำไปใช้งานจริง ศึกษาแผนการพัฒนาในอนาคตและความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ

  2. ประเมินมูลค่าที่แท้จริง

    วิเคราะห์อัตราการเติบโตของผู้ใช้งาน ปริมาณธุรกรรม และรายได้ของโครงการ เปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน

  3. สร้างพอร์ตการลงทุนที่สมดุล

    กระจายการลงทุนในคริปโตหลายประเภท เช่น Layer 1, DeFi, GameFi เพื่อลดความเสี่ยง แนะนำให้ลงทุน 50-60% ในคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูง และ 40-50% ในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

Technical Trading ใช้ RSI และ Golden Cross วางแผนซื้อขาย

Technical Trading เป็นการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจังหวะเข้าซื้อและขายที่เหมาะสม วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาติดตามตลาดสม่ำเสมอและต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นถึงกลาง

  1. การใช้ RSI (Relative Strength Index)

    RSI เป็นตัวชี้วัดที่บอกว่าราคาอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
    – ค่า RSI เกิน 70 บ่งชี้ภาวะซื้อมากเกินไป ควรเตรียมขาย
    – ค่า RSI ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ภาวะขายมากเกินไป เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

  2. การใช้ Golden Cross และ Death Cross

    เป็นสัญญาณที่เกิดจากการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
    – Golden Cross (ค่าเฉลี่ย 50 วันตัดขึ้นบนค่าเฉลี่ย 200 วัน) เป็นสัญญาณซื้อ
    – Death Cross (ค่าเฉลี่ย 50 วันตัดลงใต้ค่าเฉลี่ย 200 วัน) เป็นสัญญาณขาย

  3. การยืนยันสัญญาณซื้อขาย

    ใช้หลายเครื่องมือร่วมกันเพื่อยืนยันสัญญาณ
    – ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย (Volume) ว่าสอดคล้องกับทิศทางราคา
    – ดูแนวรับแนวต้านประกอบการตัดสินใจ
    – สังเกตรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Pattern) เพื่อยืนยันจุดกลับตัว

ระบบจัดการความเสี่ยงที่นักเทรดมืออาชีพใช้

บทที่ 3
ระบบจัดการความเสี่ยงที่นักเทรดมืออาชีพใช้

การจัดการความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดคริปโตให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว

จากสถิติพบว่านักเทรดมือใหม่สูญเสียเงินลงทุนเพราะขาดระบบจัดการความเสี่ยงที่ดี แต่นักเทรดมืออาชีพสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอด้วยการใช้ระบบจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ

ในส่วนนี้ ผู้เขียนจะแนะนำระบบจัดการความเสี่ยงที่นักเทรดมืออาชีพใช้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงและรักษาเงินทุนไว้ได้ในระยะยาว

การตั้ง Stop-Loss และ Take Profit อย่างเป็นระบบ

การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) อย่างเป็นระบบเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยควบคุมความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนของคุณ

“คงไม่มีใครอยากขาดทุนเกินที่รับได้หรือพลาดจุดทำกำไรที่ดี” แต่หากไม่มีการวางแผนล่วงหน้า อารมณ์มักจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ

นักเทรดมืออาชีพจึงใช้ระบบต่อไปนี้ในการตั้ง Stop-Loss และ Take Profit:

  1. กฎ 1% – 2% ในการตั้ง Stop-Loss

    จำกัดความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง เช่น หากมีเงินทุน 100,000 บาท ควรยอมรับการขาดทุนได้ไม่เกิน 1,000-2,000 บาทต่อออเดอร์

  2. อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน 1:2 เป็นอย่างน้อย

    หากตั้ง Stop-Loss ที่ 2% ควรตั้ง Take Profit ที่ 4% ขึ้นไป เพื่อให้มีโอกาสทำกำไรมากกว่าขาดทุนในระยะยาว

  3. ใช้แนวรับแนวต้านทางเทคนิคในการกำหนดจุด

    ตั้ง Stop-Loss ใต้แนวรับที่แข็งแกร่ง และ Take Profit ที่แนวต้านสำคัญ เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จของการเทรด

การปฏิบัติตามระบบนี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนก้อนใหญ่และเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะยาว

การจัดสรรเงินลงทุนและวางแผนพอร์ตโฟลิโอ

การจัดสรรเงินลงทุนที่เหมาะสมและการวางแผนพอร์ตโฟลิโอที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน

“การลงทุนทั้งหมดในคริปโตเหรียญเดียวอาจเสี่ยงเกินไป” การกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ

นี่คือหลักการจัดสรรเงินลงทุนที่นักเทรดมืออาชีพใช้:

  1. กฎ 5-10-20

    ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 5% ต่อการเทรด 1 ครั้ง ไม่เกิน 10% ต่อคริปโตหนึ่งเหรียญ และไม่เกิน 20% ในกลุ่มคริปโตประเภทเดียวกัน

  2. จัดสรรตามระดับความเสี่ยง

    แบ่งพอร์ตเป็น 60% ในคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูง (เช่น Bitcoin, Ethereum) 30% ในคริปโตมูลค่าตลาดกลาง และไม่เกิน 10% ในคริปโตที่มีความเสี่ยงสูง

  3. ปรับสมดุลพอร์ตตามกำหนด

    ทบทวนและปรับสมดุลพอร์ตทุก 1-3 เดือน เพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนที่วางแผนไว้

การจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้พอร์ตของคุณมีเสถียรภาพและทนต่อความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น

การใช้ข้อมูล Market Sentiment ประกอบการตัดสินใจ

Market Sentiment หรือความรู้สึกของตลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาคริปโต

“การรู้ว่าตลาดกำลังกลัวหรือโลภเกินไปช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น” นักเทรดมืออาชีพจึงใช้เครื่องมือวัด Market Sentiment ต่อไปนี้:

  1. ดัชนี Fear & Greed

    ติดตามดัชนี Fear & Greed Index ที่วัดความกลัวและความโลภในตลาด คะแนนต่ำกว่า 20 บ่งชี้ว่าตลาดกลัวมาก อาจเป็นจังหวะซื้อที่ดี ขณะที่คะแนนสูงกว่า 80 แสดงถึงความโลภมาก อาจเป็นสัญญาณให้ระวังการปรับฐาน

  2. ข้อมูล Open Interest

    วิเคราะห์ปริมาณ Open Interest ในตลาด Futures เพื่อดูแรงเก็งกำไร การเพิ่มขึ้นของ Open Interest พร้อมราคาที่สูงขึ้นแสดงถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง

  3. การวิเคราะห์ Social Media

    ติดตามการพูดถึงคริปโตบน Social Media และวิเคราะห์ความรู้สึกของนักลงทุน เมื่อมีการพูดถึงมากผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของตลาด

การใช้ข้อมูล Market Sentiment ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานจะช่วยให้คุณประเมินจังหวะการเทรดได้แม่นยำขึ้น

สรุป: เคล็ดลับการเทรดคริปโตอย่างมีระบบที่คุณมองข้ามไม่ได้

ในครั้งนี้ เราได้พูดถึงผู้ที่สนใจเริ่มต้นเทรดคริปโตแต่ยังขาดความมั่นใจ โดยกล่าวถึง

  1. พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเทรดคริปโต
  2. กลยุทธ์ที่ช่วยสร้างผลตอบแทนอย่างมีระบบ
  3. การจัดการความเสี่ยงแบบมืออาชีพ

โดยผู้เขียนได้แบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเทรดมากกว่า 10 ปีและเทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง

การเทรดคริปโตให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของโชคหรือการเสี่ยง แต่เป็นเรื่องของระบบและวินัยในการเทรด จากข้อมูลของ CryptoCompare Analytics พบว่านักเทรดที่มีระบบสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นอย่างถูกวิธี ด้วยความรู้และเครื่องมือที่เหมาะสม บทความนี้ได้รวบรวมกลยุทธ์ที่จะช่วยให้การเทรดของคุณมีระบบและประสบความสำเร็จ

ผู้เขียนเข้าใจดีว่าการเริ่มต้นเทรดคริปโตอาจทำให้รู้สึกกังวลและไม่มั่นใจ แต่เมื่อมีระบบและการจัดการความเสี่ยงที่ดี คุณจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

หลายคนอาจกำลังคิดว่า “จะเริ่มต้นเทรดตอนนี้สายเกินไปหรือไม่?” หรือ “จะเริ่มต้นอย่างไรดี?” ความจริงแล้วไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นเทรดอย่างมีระบบ

เริ่มต้นเรียนรู้และลงมือทำตามระบบที่แนะนำในบทความนี้ แล้วคุณจะค่อยๆ พัฒนาทักษะและความมั่นใจในการเทรดขึ้นเอง ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในการเทรดได้หากมีความมุ่งมั่นและวินัยที่ดีพอ

ถ้าคุณชอบ โปรดแชร์ด้วยนะ!

ความคิดเห็น

コメントする

สารบัญ